หลายประเทศ ยกย่อง “เนลสัน แมนเดล่า” หลังถึงแก่อสัญกรรม วัย 95 ปี

ต่างประเทศ
6 ธ.ค. 56
04:33
92
Logo Thai PBS
หลายประเทศ ยกย่อง “เนลสัน แมนเดล่า” หลังถึงแก่อสัญกรรม วัย 95 ปี

นายเนลสัน แมนเดล่า บุคคลที่โลกเชิดชูอย่างปราศจากข้อกังขาว่า เป็น 1 ในบุคคลยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 ได้ถึงอสัญกรรมลงแล้ว ในวัย 95 ปี

ประธานาธิบดีจาคอบซูม่าประกาศว่า ชาติแอฟริกาใต้ได้สูญเสียบุตรชายผู้ยิ่งใหญ่ไปสู่สุขคติแล้ว และทันทีที่ทราบ ประธานาธิบดีบารัคโอบาม่าของสหรัฐฯ ก็ออกมาประกาศว่านายเนลสันแมนเดล่าได้มอบเสรีภาพและสันติภาพไว้ให้เป็นมรดกของโลก เช่นกัน นายกรัฐมนตรีเดวิดคาเมรอนของอังกฤษได้ออกมาแถลงว่านายแมนเดล่าคือวีรบุรุษแห่งยุคนี้

ส่วนด้านเจ้าชายวิลเลี่ยมแห่งราชวงศ์อังกฤษ ก็นิยามว่านายแมนเดล่าคือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ อย่างไม่มีใครเสมอเหมือน ทั้งนี้บั้นปลายชีวิตนายแมนเดล่าต้องต่อสู้กับหลายโรคที่รุมเร้า โดยแอฟริกาใต้ได้ประกาศลดธงครึ่งเสา ส่วนรัฐพิธีฝังศพนั้นคาดว่าจะมีขึ้นในวันเสาร์ของสัปดาห์ถัดไป

นายแมนเดล่าเป็นชาวแอฟริกาใต้ โดยเกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2461 ที่เขตปกครองตนเอง"ทรานสไก"

ในด้านการอุทิศตัวต่อสู้เพื่อผู้อื่น จนได้รับการยกย่องอย่างหมดข้อกังขาจากโลกนั้น นายแมนเดล่าเริ่มจากการเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายการปกครองแบบเหยียดสีผิว หรืออาพาไธด์ ซึ่งรัฐบาลคนผิวขาวลูกหลานของชาวยุโรปที่เป็นคนส่วนน้อยของแอฟริกาใต้ ประกาศใช้แบ่งแยกกีดกันคนดำ

การปราบปรามกวาดล้างจากรัฐบาลคนผิวขาว ทำให้การเคลื่อนไหวอย่างสันติในช่วงแรกกลายมาเป็นการต่อต้านแบบไต้ดินและติดอาวุธ โดยนายแมนเดล่าได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังติดอาวุธของพรรค"สมัชชาแห่งชาติแอฟริกาใต้" ซึ่งในช่วงนี้ทำให้ผู้นำต่างชาติที่สนับสนุนนโยบายอาพาไธด์ของแอฟริกาใต้ประณามว่า การเคลื่อนไหวของนายแมนเดล่าเป็นไปในแบบก่อการร้าย

นายแมนเดล่าใช้เวลา 1 ใน 3 ของช่วงชีวิตอยู่ภายในที่คุมขัง กล่าวคือถูกสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปีก่อนได้รับอิสระในปี 2533 จากนั้นได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตยคนแรกของแอฟริกาใต้

นายแมนเดล่าได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติมากมายในระดับโลก ซึ่งก็รวมถึงโนเบลสันติภาพ เมื่อปี 2536 ทั้งนี้หลายฝ่ายจารึกว่านายแมนเดล่าคือนักโทษที่กลายมาเป็นประธานาธิบดีและผู้ที่นำพาความเท่าเทียมมาให้กับมนุษยชาติ คือเขาได้ล้มล้างการปกครองแบบแบ่งแยกสีผิว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง