จับตาสถานการณ์เกาหลีเหนือ
น.ส.ปาร์ค กึน เฮย์ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ หลังจากที่นายคิม จอง อุน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่เชื่อว่าอยู่ในวัย 30 ปี สั่งสังหารนายจาง ซอง แท็ก อาเขย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำอันดับ 2 ผู้ทรงอิทธิพลของเกาหลีเหนือ ด้วยข้อกล่าวหาพยายามจะยึดอำนาจ ซึ่งก่อนหน้าการประชุม ผู้นำเกาหลีใต้ระบุถึงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีขณะนี้ว่าอยู่ในช่วงที่น่าวิตก และไม่สามารถคาดเดาได้ ผู้นำเกาหลีใต้ยังประเมินถึงความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจกระทำการยั่วยุ จึงได้สั่งการให้กองทัพยกระดับการเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
การสั่งเตรียมความพร้อมของผู้นำเกาหลีใต้ สอดคล้องกับความกังวลของชาวเกาหลีใต้เช่นกัน ซึ่งประชาชนบางคนเกรงว่าหลังจากนี้ สถานการณ์ในเกาหลีเหนืออาจเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และจะยิ่งสร้างความสับสน ส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ที่จะยิ่งตึงเครียด ขณะที่บางคนกังวลว่าสถานการณ์การเมืองภายในเกาหลีเหนืออาจไร้เสถียรภาพ และส่งผลทำให้เกิดการยั่วยุทางทหารต่อเกาหลีใต้
นักวิชาการด้านเกาหลีเหนือศึกษา มหาวิทยาลัยดองกุ๊กของเกาหลีใต้ วิเคราะห์ว่า หลังจากนี้สถานการณ์ในเกาหลีเหนือจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งประเทศเข้าสู่ยุคสมัยการปกครองประเทศโดยนายคิม จอง อุน ผู้นำคนปัจจุบันอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์
นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯด้านเกาหลีเหนือ วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือว่าเป็นรูปแบบการกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะการเผยแพร่ภาพข่าวการปลดแกนนำพรรคผู้ทรงอิทธิพลผ่านสื่อของเกาหลีเหนือ ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นว่านายคิม จอง อุน ต้องการรวบอำนาจเพียงคนเดียวแล้ว ยังสะท้อนว่านายคิม จอง อุนนั้น ทะเยอทะยานไร้ความปราณี และเป็นบุคคลอันตราย รวมทั้งยากจะคาดเดายิ่งกว่านายคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดาเสียอีก
การสังหารนายจาง ซอง แท็ก เกิดขึ้นก่อนหน้าวันครบรอบอสัญกรรมนายคิม จอง อิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ และวันนี้ กองทัพเกาหลีเหนือจัดพิธีสวนสนาม และปฏิญาณตน แสดงความภักดีต่อนายคิม จอง อุน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน