ภัยหนาวส่งผลกระทบภาคเหนือ และอีสาน
กรมปศุสัตว์ และ กระทรวงสาธารณสุข ประจำด่านสากลชายแดนไทย-ลาว บริเวณด่านห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ยานพาหนะที่เดินทางเข้า-ออก พร้อมทั้งคัดกรอง บุคคลเข้า-ออก เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ไข้หวัดนก รวมทั้งไข้ป่า หรือ ไข้สครัฟไทฟัส ซึ่งเกิดจากการถูกไรอ่อนตามพงหญ้า และ ป่าละเมาะกัด ที่เริ่มพบมากขึ้น กับผู้ป่วยชาวลาวที่เข้ามารักษา หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจอันตรายถึงเสียชีวิต
ส่วนสภาพอากาศที่หนาวเย็น ก็ส่งผลทำให้ประชาชนในหลายจังหวัดภาคเหนือ เริ่มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้ จ.ตาก, จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ ประกาศให้บางอำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติหนาวไปแล้ว ล่าสุด จ.เชียงราย ได้ประกาศให้ อ.แม่ฟ้าหลวง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวอีก 1 อำเภอ โดยปัญหาที่พบ ยังคงเป็นเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ที่ยังขาดแคลนเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีฝนตก และอุณหภูมิลดลง 4 องศาเซลเซียส ใน จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้ชาวบ้านในหลายพื้นที่ต้องเผชิญกับภัยหนาว จ.บุรีรัมย์ต้องจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้ง 23 อำเภอ และเร่งสำรวจผู้ประสบภัยที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ที่มีอยู่กว่า 300,000 ราย
ส่วนที่ จ.บึงกาฬ นักเรียนโรงเรียนอนุบาลต้องออกกำลังกาย ก่อนเข้าห้องเรียน จากอุณหภูมิที่ลดต่ำลง เช่นเดียวกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ที่ผู้สูงอายุ และเด็ก ต้องผิงไฟเพื่อคลายหนาวก้นตลอดทั้งวัน
ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ อุณหภูมิลดต่ำลงอยู่ที่ 14 องศาเซลเซียส และมีหมอกปกคลุมในช่วงเช้า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาจังหวัด รายงานสภาพอากาศทั้ง 18 อำเภอว่า อุณหภูมิจะลดลงอีกอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณเทือกเขา อุณภูมิจะลดลงอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส
ส่วนที่ จ.นครพนม ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติหนาวแล้ว 10 อำเภอ หลังอุณภูมิลดต่อเนื่องเหลือเพียง 10 องศา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจผู้ประสบภัย เพื่อนำเครื่องนุ่งห่มกันหนาวไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ที่คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 100,000 คน