สาวจาไมก้าคว้าแชมป์ The Voice สหรัฐฯ 
I Have Nothing เพลงบัลลาดที่ วิทนีย์ ฮูสตัน ดีว่าผู้ล่วงลับ ใช้เป็นเพลงถ่ายทอดพลังเสียงอันไร้ที่ติของเธอ ถูกนำมาใช้เป็นเพลงพิสูจน์ความสามารถของ เทสแซน ชิน ผู้เข้าประกวดในรอบชิงชนะเลิศของเวที The Voice ของสหรัฐฯ แม้ในตอนรอประกาศผล เธอ และ อดัม เลวีน ผู้เป็นโค้ชจะแสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน แต่เทคนิค และการถ่ายทอดอารมณ์อันยอดเยี่ยมส่งให้นักร้องชาวจาไมก้าวัย 28 ปีกลายเป็นผู้ชนะในฤดูกาลที่ 5 ของรายการ และถือเป็นการส่งลูกทีมคว้าชัยเป็นครั้งที่ 2 ของเลวีน หยุดสถิติของ เบลค เชลตัน นักร้องคันทรีชื่อดังที่ส่งลูกทีมคว้าแชมป์มาถึง 3 ติดต่อกัน
เทสแซน ชิน ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นทั้งชาวจีน, อเมริกันพื้นเมือง, แอฟริกัน และอังกฤษได้รับการฝึกฝนร้องเพลงมาตั้งแต่วัย 6 ขวบ หลังจากร้องประสานเสียง และร่วมงานกับศิลปินของจาไมก้ามาแล้วมากมาย เธอจึงได้เปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวเมื่อปี 2006 และส่งผลงานเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงแถบอเมริกาอย่างประปราย ก่อนที่เธอจะตัดสินใจก้าวต่อไปกับอาชีพนักร้อง ด้วยการลงประกวดรายการ The Voice ซึ่งในรอบ Blind Audition การร้องของเธอทำให้โค้ชทั้ง 4 ของรายการต่างแย่งกันให้ได้ตัวเธอมาเป็นสมาชิกในทีมทั้งนั้น
ด้วยเทคนิคที่เน้นความทรงพลังของน้ำเสียง เทสแซน ชิน จึงกรุยทางผ่านคู่แข่งคนอื่นๆ มาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพลง Bridge over Troubled Water ในรอบรองชนะเลิศสามารถครองแชมป์ iTunes chart เมื่อต้นเดือน ซึ่งเธอยังย้ำความสำเร็จด้วยการส่งเพลง I Have Nothing ในรอบชิงครองแชมป์ iTunes chart ได้เช่นกัน กลายเป็นผู้สมัครรายเดียวของซีซั่นที่ส่งเพลงขึ้นอันดับ 1 ได้ถึง 2 ครั้ง
โดยซิงเกิลต่อไปของเธอได้แก่ Tumbling Down เพลงที่แต่งขึ้นสำหรับผู้ชนะ The Voice ปีนี้ ซึ่ง เทสแซน ชิน เปิดใจว่าก่อนหน้าลงสมัคร เธอกำลังตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตการเป็นนักร้องของเธอเอง แต่การให้โอกาสตนเองพิสูจน์ความสามารถบนเวทีประกวด ทำให้เธอประสบความสำเร็จในวันนี้ในที่สุด
ไฮไลท์ของการประกาศผล The Voice ได้แก่การร้องเพลงคู่ของเหล่าดีว่า ทั้งในเพลง Love Can Move Mountains ที่เทสแซน ชิน ได้ดวลพลังเสียงกับ ซีลีน ดิออน หนึ่งในนักร้องผู้เป็นแรงบันดาลใจของเธอ รวมถึงการดูเอ็ทกันครั้งแรกของ คริสติน่า อกิเลร่า และนักร้องสาว เลดี้ กาก้า ในเพลง Do What U Want เพลงจากอัลบั้มใหม่ของมาเธอร์ มอนสเตอร์คนดัง