เอฟทีเอ ส่งผลกระทบผู้ปลูกหัวหอมใหญ่ใน จ.เชียงใหม่
หลังเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ เอฟทีเอ ในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปลูกหัวหอมใหญ่ ใน จ.เชียงใหม่ เพราะขณะนี้ราคาหัวหอมเริ่มลดลงและอาจต้องขาดทุน จนอาจไม่มีเงินไปใช้หนี้ที่กู้มาลงทุน
แม้ผลผลิตหอมหัวใหญ่ที่ปลูกไว้กว่า 10 ไร่ ของนายสง่า ดวงแก้ว เกษตรกรใน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ในปีนี้จะมีความสมบูรณ์และได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก แต่ราคาที่ซื้อขายกันที่กิโลกรัมละ 12 บาท ก็ทำให้เขาเป็นกังวนว่า ปีนี้อาจขาดทุน และไม่มีเงินไปใช้หนี้ที่กู้มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.
นายสง่า บอกว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ เอฟทีเอ ในกลุ่มประเทศอาเซียน และจีน ตั้งแต่ ปี 2545 ก็ทำให้หัวหอมในประเทศมีราคาถูก เพราะมีหัวหอมใหญ่จากประเทศจีน ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาตีตลาดจำนวนมาก ทำให้ผู้ปลูกแทบไม่เหลือกำไร
ขณะที่การลดต้นทุนการผลิตหอมหัวใหญ่เพื่อให้สู้ราคาหอมหัวใหญ่จากประเทศจีน ยังทำได้ยาก เนื่องจากต้นทุนการการปลูกยังสูง โดยเฉพาะต้นทุนด้านเมล็ดพันธุ์ ที่มีการผูกขาดโดยชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เพียงรายเดียวเท่านั้น
สำหรับสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แม่วาง มีสมาชิกกว่า 3,000 คน มีพื้นที่เพาะปลูก กว่า 4,500 ไร่ สามารถผลิตหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาดปีละกว่า 20,000 ตัน โดยขณะนี้เริ่มเก็บผลผลิตออกสู่ตลาดเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น จึงทำให้เกษตรกรกรส่วนใหญ่กังวลว่าการเปิดการค้าเสรีอาเซียน ที่มีการลดภาษีเป็นร้อยละ 0 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะทำให้ราคาหอมหัวใหญ่ตกต่ำเหลือไม่ถึงกิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งจะทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุนอย่างแน่นอน