รื้อแผนแม่บทแก้ปัญหาบุกรุกโบราณสถานอยุธยาฯ
”สุเทพ” รองนายกรัฐมนตรี สั่งรื้อแผนแม่บทเมืองมรดกโลก เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
นายเมธาดล วิจักขณะ ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้ (11 ก.พ.) สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์ฯ และคณะกรรมการจัดระเบียบพื้นที่รอบวิหารพระมงคลบพิตร จะเดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อรายงานถึงปัญหาที่เกิดขึ้น หลังการประชุมระหว่างประชาชนในพื้นที่กับกลุ่มผู้ค้าขายในเขตโบราณสถานเมื่อวานนี้ ต้องยุติ เพราะไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ โดยเพาะในประเด็นแนวทางการจัดระเบียบและแก้ปัญหาร้านค้าบุกรุกโบราณสถาน
ล่าสุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาเมืองมรดกโลก และศึกษากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน อาทิ กฎหมายผังเมือง ที่มีการออกทับซ้อนกับแผนแม่บท ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ รวมถึงแผงร้านค้าในเขตโบราณสถาน เพื่อสอดคล้องกับระเบียบขององค์การยูเนสโก้ โดยเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแนวทางแก้ไขต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย. 2552 นายซูซานน์ โอร์นาเกอร์ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและสารสนเทศของภูมิภาคเอเชีย ประจำองค์การยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักเกี่ยวกับมรดกความทรงจำแห่งโลกน้อยมาก และอยากให้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการสงวนและรักษามรดกความทรงจำแห่งโลก
ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมระบุถึงขั้นตอนการถอดถอนมรดกโลกว่า เมื่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาแล้วว่า ประเทศเจ้าของมรดกโลกปล่อยปละละเลยจนทรุดโทรม หรือมีการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม ยูเนสโก้จะขึ้นบัญชี "ภาวะอันตราย" แล้วให้ปรับปรุง 2 ปี หากไม่มีการปรับปรุง จะถูกดำเนินการถอดถอนออกจากการเป็นมรดกโลก
สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2534 ก่อนหน้านี้กรมศิลปกรเปิดเผยว่า ยูเนสโก้ประจำประเทศไทยได้แจ้งเตือนว่า อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาอาจเสี่ยงต่อการถูกถอดถอนจากมรดกโลก หากไม่แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ หรือไม่มีการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลกอย่างถูกต้อง