อสส.สั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาขนอาวุธเข้าไทย
อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาลักลอบขนอาวุธเข้าไทย และให้ประสานตม.ดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ
วันนี้อัยการสูงสุดเผยนัดแถลงชี้ชะตาว่าจะสั่งคดี 5 ผู้ต้องหาต่างชาติลอบขนขีปนาวุธเข้าไทย หรือไม่ ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ หากสั่งไม่ฟ้องก็ต้องปล่อยตัวทันที ส่วนเรื่องส่งตัวกลับแล้วแต่มีประสานมาหรือไม่
ความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีของอัยการในคดีผู้ต้องหาชาวคาซัคสถาน และเบลารุส รวม 5 คน ค้าอาวุธข้ามชาติ ที่ถูกจับกุมขณะลำเลียงอาวุธมาจากประเทศเกาหลีเหนือ ก่อนถูกทางการไทยจับกุมคาสนามบินดอนเมือง ขณะแวะจอดเติมน้ำมัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้ ได้มีความเห็นในการสั่งคดีเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมอบหมายให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการคดีอาญา แถลงผลการสั่งคดี ในวันที่ 11 ก.พ. นี้ เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม 100 ชั้น 4 สำนักงานอัยการสูงสุด
ล่าสุดนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลสั่งคดีผู้ต้องหาชาวคาซัคสถาน และเบลารุส รวม 5 คน ค้าอาวุธข้ามชาติ ที่ถูกจับกุมขณะลำเลียงอาวุธมาจากประเทศเกาหลีเหนือ ก่อนถูกทางการไทยจับกุมคาสนามบินดอนเมือง ขณะแวะจอดเติมน้ำมัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมานั้น โดยอัยการเห็นว่า ได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาลักลอบขนอาวุธ ที่ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ที่ สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2552 โดยให้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 กลับไปดำเนินคดียังประเทศคาซัคสถานและเบลารุส ตามที่ร้องขอ อีกทั้งเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ส่วนอาวุธสงครามนั้น ให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ด้านนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวว่า หากอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ตามหลักการต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ทันที เมื่อไม่มีอำนาจควบคุมตัว ส่วนการส่งตัวกลับประเทศนั้น หากมีการประสานมาก็ต้องพิจารณาต่อไป