ปตท.ยันไม่ได้รับผลกระทบลอยตัว LPG ภาคอุตสาหกรรม-ขนส่ง
กรรมการผจก.ใหญ่ ปตท. ชี้ รัฐบาลมีนโยบายลอยตัวแอลพีจีในส่วนของภาคอุตสาหกรรม และขนส่ง และให้ตรึงราคาในส่วนของภาคครัวเรือน ไม่มีผลกระทบต่อปตท. เพราะหน้าโรงกลั่นยังอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐต่อตันแต่ภาระยังเป็นของกองทุนน้ำมันที่ต้องแบกรับส่วนต่างเช่นเดิม นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะตรึงราคาก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี ภาคครัวเรือนต่อจากเดือนสิงหาคมนี้ และปล่อยลอยตัวภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง ว่า ถือเป็นนโยบายของภาครัฐที่จะดำเนินการเพราะในส่วนของปตท.คงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันราคาก๊าซหุงต้มแอลพีจี หน้าโรงกลั่นถูกตรึงราคาไว้ที่ 330 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยมีส่วนต่างอยู่ที่ประมาณ 400-500 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันที่จะเข้าไปอุดหนุนส่วนต่างราคา
ขณะที่สัดส่วนการใช้ก๊าซแอลพีจีในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยมีสัดส่วนการใช้ในภาคครัวเรือนลดลงอยู่ที่ 60% จากเดิม 80% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิม 10% ขณะที่ภาคยานยนต์ ยังอยู่ในระดับเดิมที่ 20% ดังนั้น นโยบายดังกล่าวไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหน้าโรงกลั่น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ หากรัฐบาลจะตรึงราคาก๊าซแอลพีจีในภาคใดก็ตาม