ชาวบ้านขุดหาแหล่งน้ำใช้เอง หลังขาดแคลนน้ำอย่างหนัก
ชาวบ้านหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ต้องขุดหาแหล่งน้ำใต้ดินใช้เอง หลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยที่ชัยภูมิ ชาวบ้านต้องขุดหาน้ำกลางลำน้ำชี เพื่อสูบน้ำมาหล่อเลี้ยงนาข้าวชาวบ้านริมแม่น้ำชี ต.บัวบาน จ.ชัยภูมิ ลงแขกขุดลำน้ำชีที่แห้งขอดเป็นคลองยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ และผลัดเปลี่ยนกันสูบน้ำเข้านา เพื่อป้องกันปัญหาแย่งน้ำ หลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก
เช่นเดียวกับชาวนา ต.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ และองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ ต้องช่วยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้านาข้าว และขุดลอกเปิดทางระบายน้ำป้องกันผลิตเสียหาย เนื่องจากนาข้าวกว่า 20,000 ไร่ กำลังจะแห้งตาย
ล่าสุด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 จ.นครราชสีมา ประกาศให้ จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ง 8 อำเภอ , สุรินทร์ 2 อำเภอ , ส่วนชัยภูมิ และบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งทั้งจังหวัด
นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อประชาชนในภาคเหนือ เช่น ชาวบ้าน ต.โป่งแดง จ.ตาก ที่ต้องขุดบ่อน้ำใช้เอง หลังเคยร้องขอจากหน่วยงานราชการ แต่ความช่วยเหลือยังไม่ทั่วถึง เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงควายใน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ที่ขาดแคลนทั้งน้ำและหญ้าแห้งสำหรับสัตว์เลี้ยง
อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อต้นลิ้นจี่ของชาวสวนใน อ.แม่ใจ จ.พะเยา ที่ไม่ออกดอกและบางส่วนดอกร่วงจำนวนมาก คาดว่าจะได้ผลผลิตไม่เกินร้อยละ 20
ด้านนายพินิจ นกเล็ก หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานจังหวัดกำแพงเพชร ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.เป็นต้นไป ทางชลประทานจะหยุดส่งน้ำ เนื่องจากน้ำต้นทุนมีน้อย โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลสามารถระบายน้ำได้อีกเพียง 1,939 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนงดปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2