DSI เล็งเรียก 83 รายชื่อแจงธุรกรรมการเงินต้นสัปดาห์หน้า
อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเรียกร้องให้ ศอฉ.ยกเลิกการสั่งอายัดการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยระบุว่าผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องได้ หากศอฉ.กระทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมออกหมายเรียก 83รายชื่อให้เข้ามาชี้แจงการทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) คาดว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในเขตท้องที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จะลงนามในคำสั่งเรียกบุคคลเพื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน 83 รายภายในวันนี้ (21 มิ.ย.)
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า หลังจากมีหนังสือที่มีการลงนามอย่างเป็นทางการจาก ศอฉ.แล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษจะออกหมายเรียกบุคคลต้องสงสัยทั้ง 83 คนให้เข้ามาชี้แจงตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิ.ย. โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม และใช้ระยะเวลาทำงานประมาณ 60 วัน ทั้งนี้หากบุคคลที่ถูกเรียกให้มาชี้แจงไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ก็จะถือว่าเข้าข่ายมีส่วนสนับสนุนการกระทำความผิด
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ปี 2550 เรียกร้องให้ ศอฉ. ยกเลิกคำสั่งการระงับหรืออายัดการทำธุรกรรมทางการเงินกับบุคคลและนิติบุคคลทั้งหมด เนื่องจากได้ผ่านพ้นช่วงการชุมนุมทางการเมือง และสถานการณ์เริ่มกลับสู่ความสงบ โดย ศอฉ.ได้มีหลักฐานข้อมูลการทำธุรกรรมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งต้องพิสูจน์ตามขั้นตอนต่อไป หากไม่มีการยกเลิกคำสั่งในเรื่องนี้จะมองได้เป็นการหวังผลทางการเมือง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การออกหมายเรียก 83 รายชื่อยังไม่ได้เป็นการระบุว่าผู้ที่ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาหรือกระทำความผิด หากชี้แจงการทำธุรกรรมทางการเงินได้ จะมีการยกเลิกการอายัดการทำธุรกรรม
ส่วนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสุเทพยืนยันว่า ยังคงมีความจำเป็นที่ต้องคงไว้อยู่ เพื่อมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งที่ประชุม ศอฉ.ในวันนี้ (21 มิ.ย.) จะพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อเตรียมสรุปเป็นความเห็นของ ศอฉ. ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 24 มิ.ย.นี้