กรุงโรมร่วมเฉลิมฉลองครบ 400 ปีการจากไปของ คาราวัจโจ้ ศิลปินผู้ก่อกำเนิดศิลปะแนวบาโรก วานนี้ (18 ก.ค.) โดยมีการนำผลงานภาพวาดมาแสดงในโบสถ์ และหอศิลป์
“มิเคลันเจโล เมรีซี ดา คาราวัจโจ้” ศิลปินผู้โด่งดังจากการวาดภาพด้วยอารมณ์ในยุคบาโรก ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายทอดนาฏกรรมมากที่สุดของเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในยุคที่นิกายคาทอลิกต้องการภาพเขียนทางศาสนา เพื่อจะตอบโต้การปฏิรูปนิกายโปรเตสแตนต์ โดยผลงานของคาราวัจโจ้ ได้รับความนิยมในโรมอย่างสูง แต่การวาดภาพ
ที่แหวกขนบธรรมเนียม และการใช้นักโทษและโสเภณี เป็นแบบภาพวาดศาสนา และชีวิตส่วนตัวที่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ติดสุรา ทำให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งพัวพันคดีฆาตกรรมจนต้องเร่ร่อน และจบชีวิคตอย่างปริศนาในวัย 38 ปี
ผลงานของคาราวัจโจ้ เกือบเลือนหายไป หลังจากที่เสียชีวิต ก่อนจะได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในศตวรรษที่ 20 เมื่อนักวิจารณ์หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าเทคนิกการใส่เงา เพื่อสร้างค่าต่างแสงของคาราวัจโจ้ เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง อาทิ แรมบรังด์, เวร์เมร์, มาเนท์ และเดอลาครัวซ์ จนได้รับการยกย่องว่านอกจากมิเคลันเจโลแล้ว ไม่มีจิตรกรอิตาเลียนคนใดที่มีอิทธิพลเกินไปกว่านี้
ทั้งนี้ วันที่ 18 ก.ค. 2553 ถือเป็นการครบ 400 ปีของการเสียชีวิตของ คาราวัจโจ้ โดยโบสถ์ และหอศิลป์หลายแห่งในกรุงโรม เปิดการแสดงผลงานเพื่อเป็นเกียรติแก่ข คาราวัจโจ้ และมีความพยายามในการรวบรวมซากกระดูกจากโบสถ์ในทัสคานี สถานที่ที่คาราวัจโจ้ เสียชีวิตมาเทียบกับดีเอ็นเอทายาทของเครือญาติในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การไขปริศนาการเสียชีวิต และเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา The Roman Observer หนังสือพิมพ์ของวาติกันได้ตีพิมพ์ภาพวาดที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานของคาราวัจโจ้ที่ถูกค้นพบใหม่