เฉลิมยินดีเป็นพยานคดียุบปชป.หากกกต.ประสาน
“ร.ต.อ.เฉลิม” ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เผยยินดีที่จะให้ปากคำในฐานะพยานในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หากกกต.ประสานมา โดยเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ถึงเดือนเมษายนปีหน้า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ายินดีไปให้ปากคำในฐานะพยานในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประสานมา แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือทราบเพียงว่ามีการประสานมายังพรรคเท่านั้น พร้อมระบุว่าเตรียมเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้พยานปากสำคัญกลับคำให้การในชั้นศาล แต่เชื่อว่าหลักฐานเอกสารมีความครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอ แม้พยานบุคคลจะกลับคำให้การก็ตาม เพราะศาลจะดูคำให้การในชั้นต้นที่พยานเคยให้การไว้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ กกต.รวมถึงอัยการสูงสุดที่มีการบันทึกคำให้การไว้ก่อนหน้านี้ และยืนยันว่าตนไม่เคยกดดันศาลตามที่หลายฝ่ายกล่าวอ้าง
ส่วนกรณีนายธีรชัย ธำรงวงศกร หรือ เฮียเม้ง พยานในคดีจ่ายเงินสินบนเรื่องภาษีให้กับนางวรรษมณ เพ็งดิษฐ์ ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้ขอความคุมครองหลังถูกข่มขู่คุกคามนั้นได้ประสานขอตำรวจไปดูแลแล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าการที่นายธีรชัยออกมาเปิดเผยน่าจะเป็นข้อเท็จจริง เพราะจากที่ได้รับฟังข้อมูลและเอกสารมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งผู้เสียหายเป็นบุคคลธรรมดาไม่มีเหตุผลที่จะไปทำลายครอบครัวนายธาริต อย่างไรก็ตามหากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็อยากเตือนให้ระวังการเบิกความจะได้ไม่เป็นการให้การเท็จต่อศาล
นอกจากนี้ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาพูดว่ารัฐบาลอาจจะยุบสภาในปลายปีนี้ว่าเป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลของแต่ละคนที่มองว่าหลังจากมีการแต่งตั้งโยกย้ายและเบิกจ่ายงบประมาณกันแล้วก็น่าจะนำไปสู่การยุบสภา แต่ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ถึงเดือนเมษายนปีหน้า เพราะรัฐบาลโชคดีที่ยังมีปัจจัยเกื้อหนุนให้บริหารประเทศต่อไป อีกทั้งการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติก็ไม่สามารถยื่นอภิปรายได้ อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากมีการยุบสภา ก็จะเริ่มเจรจาจับขั้วทางการเมืองทันที โดยจะขอเป็นมติพรรคเพื่อให้ตนเป็นผู้แทนไปเจรจาทั้งกับพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรครวมชาติพัฒนา ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันตลอด
อย่างไรก็ตามร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าจะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อเป็นมติในการที่จะให้ ส.ส.หรือสมาชิกพรรคออกมาพูดอภิปราย รวมถึงการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยจะมีการกำหนดตัวบุคคลว่าใครเหมาะสมที่จะพูดเรื่องหรือประเด็นใด เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคไม่มีปัญหาความขัดแย้ง แต่เนื่องจากพรรคมีคนเก่งมาก ทำให้แต่ละคนอยากออกมาแสดงความคิเห็นทำให้ควบคุมการให้ความเห็นต่างๆได้ยาก