กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยืนยันขุดน้ำมันอ่าวไทยไม่ซ้ำรอยเม็กซิโก
ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาดแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 100 วันเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับหลุมขุดเจาะน้ำมันในทะเลที่มีความลึกถึง 1,600 เมตรถือเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีกำลังผลิต 5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ขณะที่หลุมสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทยใกล้เกาะสมุยที่ชาวบ้านเป็นกังวลนั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติชี้แจงว่ามีสภาพทางธรณีวิทยาที่แตกต่างจากอ่าวเม็กซิโกอย่างสิ้นเชิง โดยแหล่งน้ำมันในอ่าวไทยจะพบเป็นกระเปาะขนาดเล็กมีกำลังผลิตเฉลี่ยเพียง 500 บาร์เรลต่อวันอยู่ในระดับทะเลที่ลึก 30- 80 เมตรนอกจากนั้นภายในหลุมยังมีแรงดันต่ำน้ำมันดิบไม่สามารถไหลขึ้นมาได้เอง ต้องติดตั้งปั๊มเพื่อสูบขึ้นมาใช้ในการผลิต โอกาสในการรั่วไหลจึงมีน้อยมาก
ส่วนการขุดเจาะที่ทางกลุ่มผู้คัดค้านเกรงว่าอาจเกิดตะกอนฟุ้งใต้ทะเลทำลายแหล่งปะการังและสัตว์น้ำนายทรงภพ พลจันทร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยอมรับว่าในขั้นตอนการใช้หัวเจาะเปิดปากหลุมจะมีตะกอนฟุ้งกระจาย แต่จะไม่ไกลจากปากหลุมมากนัก ซึ่งมีการสำรวจแล้วว่าอยู่ห่างจากแหล่งปะการัง และผู้ได้รับสัมปทานยังต้องนำตะกอนไปบำบัดบนฝั่งเพื่อกำจัด โดยนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ขณะที่ขั้นตอนการผลิตหากพบแหล่งน้ำมัน จะไม่เกิดตะกอน เพราะจะเป็นการขุดเจาะในระบบปิด โดยมีการใส่ท่อกรุหล่อซีเมนต์ตั้งแต่ระดับผิวน้ำทะเลไปจนถึงระ
ดับล่างสุดของการขุดเจาะในกรณีที่น้ำมันมีการรั่วไหลในระดับน้อย ถึงปานกลาง มีแผนความพร้อมระหว่างรัฐและผู้ประกอบการในการรับมือหากเกิดการรั่วไหลในปริมาณสูง ต้องขอความช่วยเหลือจากองค์กรป้องกันและขจัดคราบน้ำมันรั่วไหลสากล จากประเทศสิงค์โปร์
แต่รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยืนยันว่า กว่า 35 ปีที่มีการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย ไม่เคยมีอุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลแม้แต่ครั้งเดียว
รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุด้วยว่าการขุดเจาะปิโตรเลียมของประเทศไทยมีมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดในเอเชียและเรียกร้องให้กลุ่มผู้คัดค้านเข้าร่วมกระบวนการรับฟังความคิดเห็นซึ่งจะเป็นช่องทางในการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านมาตรการป้องกันผลกระทบร่วมกัน