การคืนชีพของมิวสิควิดีโอบนอินเตอร์เน็ต

Logo Thai PBS
การคืนชีพของมิวสิควิดีโอบนอินเตอร์เน็ต

หลายปีมาแล้วที่ความหลากหลายของมิวสิควิดีโอเริ่มหดหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ แต่ทุกวันนี้คลิปเหล่านั้นกลับกลายเป็นที่นิยมทางอินเตอร์เน็ต นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเอ็มวีเพลง We Used to Wait ของวง Arcade Fire สร้างความแปลกใหม่เมื่อผู้ชมคลิปนี้บนเว็บไซต์ Wilderness Downtown.com สามารถใส่ที่อยู่ในสมัยเด็กจากนั้นตัวละครที่สวมฮูดก็จะวิ่งพาผู้ชมไปยังสถานที่ที่เคยเติบโตขึ้น ซึ่งความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้มาจากผสานการใช้งานโปรแกรม Google Maps & Earth Street View และ HTML5 จากฝีมือกำกับโดย คริส มิวค์ ที่ต้องการปฎิวัติการสร้างมิวสิควิดีโอที่สามารถสื่อสารกับผู้ชมได้มากกว่าในอดีต จนมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 20 ล้านครั้งหลังจากเปิดตัวไม่กี่วัน

หลังจากยุคทองของมิวสิควิดีโอทางโทรทัศน์ในยุค 80 และ 90 MTV เริ่มหันไปสร้างรายการที่ได้เรตติ้งสูงกว่าอย่างเรียลิตี้ โชว์ พร้อมการถดถอยของอุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลกจนศิลปินไม่ได้รับงบสำหรับสร้างมิวสิควิดีโอง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่มิวสิควิดีโอได้เปลี่ยนผ่านจากหน้อจอโทรทัศน์มาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในพ.ศ.นี้ จากความสะดวกง่ายดายกว่าทั้งการเข้าถึงและแลกเปลี่ยนไฟล์กันทาง social media และ Music blogs ที่ผุดขึ้นมาจน 4 ใน 5 คลิปที่มียอดผู้ชมสูงสุดตลอดกาลของ YouTube ล้วนแต่เป็นมิวสิควิดีโอที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาทั้งสิ้น
สำหรับไฮป์ วิลเลียมส์ ยอดผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จจากมิวสิควิดีโอทางโทรทัศน์ใน 20 ปีที่ผ่านมา เผยว่าเอ็มวีของ Arcade Fire ได้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของศิลปะการสร้างมิวสิควิดีโอ ซึ่ง “คริส มิวค์” ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจ็คท์ Wilderness Downtown นี้กล่าวว่าที่ผ่านมาผู้สร้างมักนึกถึงการนำผลงานไปฉายทางโทรทัศน์ แต่การเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกไซเบอร์ได้สร้างกฏเกณฑ์ใหม่ๆ แก่โลกของมิวสิควิดีโอ เมื่อเอ็มวีทางอินเตอร์เน็ตหลายตัวเป็นรูปเป็นร่างด้วยทุนสร้างเพียงน้อยนิด แต่เปิดโอกาสให้ผู้สร้างได้ใส่ความคิดและจินตนาการได้อย่างไร้ขอบเขต


แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง