ปิดตายบ่อน้ำมันบีพีในอ่าวเม็กซิโก
บริษัทน้ำมันบีพีจากอังกฤษสามารถปิดบ่อน้ำมันที่ได้ปล่อยน้ำมันดิบปริมาณมหาศาลรั่วไหลออกมาสู่อ่าวเม็กซิโกใกล้ชายฝั่งสหรัฐฯ ได้อย่างถาวรแล้ว
นายทัด อัลเลน ผู้ชำนาญการภัยพิบัติของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่า บ่อน้ำมันของบริษัทบีพี หรือบริติชปิโตรเลียมจากอังกฤษ ที่เกิดระเบิดและทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลเป็นจำนวนมากนั้น ขณะนี้ถูกปิดสนิทแล้ว ซึ่งประธานาธิบดีบารัก โอบามา รู้สึกดีใจมากเมื่อได้รู้ข่าว และระบุว่าจะยืนเคียงข้างช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี
แท่นขุดเจาะน้ำมัน "ดีพ วอเตอร์ ฮอไรซัน" ของบริษัทบีพี เกิดระเบิดและจมลงเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พนักงานบนแท่นเสียชีวิต 11 คน นอกจากนี้ยังทำให้มีน้ำมันดิบรั่วไหลออกมาอย่างน้อย 1,000 ลิตร ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้กับสภาพแวดล้อมในอ่าวเม็กซิโกและชายฝั่งสหรัฐฯ และถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
การหยุดการรั่วไหลเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าวเป็นเพียงการระงับแบบชั่วคราวโดยใช้โคลนอุด จนกระทั่งมาได้รับการปิดบ่อน้ำมันที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวน้ำเกือบ 4 กิโลเมตรด้วยซีเมนต์เมื่อวานนี้ (19 ก.ย.)
สำหรับบริษัทบีพีนั้นก็ได้เสียเงินไปแล้วจำนวนมหาศาลและยังต้องเสียอีกมาก โดยที่จ่ายไปแล้วเป็นการกำจัดคราบน้ำมันและทำความสะอาดเป็นเงินมากกว่า 280,000 ล้านบาท และได้สัญญาว่าจะนำเงินอีก 700,000 ล้านบาทมาตั้งกองทุนชดเชยชาวอเมริกันที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย นอกจากนี้บริษัทบีพีก็อาจจะต้องจ่ายอีกหลายแสนล้านบาทหรือหลายล้านล้านบาทเพื่อเป็นค่าปรับให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งค่าคดีความที่มีผู้ยื่นฟ้องอยู่ในศาลหลายร้อยคดี
ทั้งนี้รายงานภายในของบีพียอมรับว่า ปัญหาที่ยืดเยื้อนั้นส่วนหนึ่งมาจากการประเมินแรงดันภายในบ่อน้ำมันผิดพลาดของบริษัทเอง อย่างไรก็ตาม แม้บีพีจะเป็นเจ้าของสัมปทานบ่อน้ำมัน "ดีพ วอเตอร์ ฮอไรซัน" แต่ในการต่อสู้คดี บริษัทบีพีก็อาจโยนความรับผิดชอบไปให้ "ทรานส์ โอเชียน ลิมมิเต็ด" ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าแท่นขุดเจาะที่เกิดระเบิด