ศาลรับฟ้องคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์

20 ก.ย. 53
06:37
125
Logo Thai PBS
ศาลรับฟ้องคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์

ศาลฎีกาฯ รับฟ้อง “เสนาะ” ใช้ตำแหน่งหน้าที่มิชอบสมัยดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย เอื้อทุจริตที่ธรณีสงฆ์ หลังคดีผ่านมาเกือบ 20 ปี ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ขอให้สภาทนายความยื่นฟ้องในวันสุดท้ายก่อนหมดอายุความ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนายเสนาะ เทียนทอง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ กรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์

โดย ป.ป.ช.ชี้มูลว่า นายเสนาะ ขณะดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย เอื้อประโยชน์ทุจริตซื้อขายที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยลงนามคำสั่งไปยังสำนักงานที่ดิน จังหวัดปทุมธานี ไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารได้ครอบครองที่ดินของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ได้ทำพินัยกรรมลงวันที่ 20 พ.ย.12 ยกที่ดินมีโฉนดจำนวน 2 แปลง รวม 927 ไร่เศษ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร

ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับสำนักงานอัยการสูงสุด ในการยื่นฟ้องคดีดังกล่าว แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เพราะอัยการสูงสุดเห็นว่าคดีหมดอายุความไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.53 และพยานหลักฐานในการกล่าวหานายเสนาะยังไม่เพียงพอต่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แต่ป.ป.ช.เห็นว่า เป็นการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคดียังไม่หมด จึงขอให้สภาทนายความฟ้องให้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนสิ้นอายุความ

ขณะที่นายเสนาะยืนยันกรณีนี้เมื่อวันที่ 5 ก.พ.53 ว่า เป็นเรื่องเกมต่อรองทางการเมือง และถูกกลั่นแกล้ง

ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะส่งสำเนาคำฟ้องพร้อมหมายเรียกไปยังให้นายเสนาะ ผ่านศาลจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากนายเสนาะมีชื่อในทะเบียนราษฎร์ในจังหวัดสระแก้ว และนัดพิจารณาคดีครั้งแรก วันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.30 น.

สำหรับคดีนี้เดิมมีผู้ถูกกล่าวหารวม 7 คน ประกอบด้วยนายเสนาะ, นายจรูญ ดวงจิโน อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี, นายบุญธรรม กลับน่วม อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี, นายอุดม วัฒนะคีรี อดีตรองอธิบดีกรมที่ดิน, นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายประวิทย์ สีห์โสภณ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายจรูญและนายบุญธรรม คดีขาดอายุความไปแล้ว ขณะที่นายอุดมถึงแก่กรรม ส่วนนายอารีย์และนายประวิทย์ จากการไต่สวนไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ส่วนนายยงยุทธเป็นการกระทำภายหลัง ไม่เกี่ยวข้องกับนายเสนาะ ป.ป.ช.จึงให้แยกไปทำอีกสำนวนหนึ่ง


แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง