ข้าราชการกระทำผิดวินัยเชิงชู้สาว
เป็นกรณีอื้อฉาวอีกครั้ง หลังมีการนำคลิปวิดีโอในเชิงชู้สาวของข้าราชการตำรวจระดับสูงมาเผยแพร่ ซึ่งขณะนี้กำลังถูกสอบสวน แต่การกระทำผิดในเชิงชู้สาวก่อนหน้านี้พบอยู่ในทุกวงการ ทั้งข้าราชการครู ตำรวจ และข้าราชการการเมือง ซึ่งตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อนหญิงแสดงความเห็นว่า กฎหมายอย่างเดียวไม่น่าจะเพียงพอใจการจัดการและแก้ปัญหา โดยเฉพาะการดูแลผู้หญิงที่ตกเป็นผู้เสียหายการถูกเปิดเผยด้วยคลิปความสัมพันธ์ เชิงชู้สาวของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และตำรวจในสำนักงานแหน่งหนึ่ง จ.ตาก กลายเป็นทั้งเรื่องอื้อฉาว และกรณีศึกษา ในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งสมยอมและไม่ยอม แม้กรณีนี้นายตำรวจที่อยู่ในคลิป จะถูกสั่งย้ายออกนอกพื้นที่เพื่อสอบสวน แต่ก็เกิดความเสียหายแล้วทั้งชื่อเสียงและกระทบต่อหน้าที่ราชการ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น หนึ่งในหน่วยงานที่มีเรื่องร้องเรียนกรณีชู้สาวจำนวนมากเช่น ปี 2552 กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบและดำเนินการทางชู้สาวกับตำรวจที่กระทำผิด จำนวน 135 ราย
เช่นเดียวกับคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ เปิดเผยว่า กรณีการกระทำผิดฐานชู้สาว กับทั้งนักเรียนและผู้ใต้บังคับบัญชา ของ ก.ค.ศ ปี 2553 ก็พบทั้งหมด 94 เรื่อง
พิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการ ก.ค.ศ บอกว่าโทษสำหรับผู้กระทำผิด มีตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ลดตำแหน่ง ตัดเงินเดือน จนถึงโทษร้ายแรง คือไล่ออก โดยอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคคลากรทางการศึกษาปี 2546 และโทษความผิดตาม พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษาปี 2547 และยอมรับว่ากรณีเรื่องชู้สาวอาศัยมาตรการทางกฎหมายอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
กรณีข้าราชการกระทำผิดด้านชู้สาว สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง มองว่าที่ผ่านมามีการล่วงละเมิดทางเพศจำนวนมาก ทั้งหน่วยงานรัฐและวิสาหกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียหายศซึ่งเป็นผู้หญิงจะไม่กล้าแจ้งความ เพราะเกรงจะมีปัญหาด้านการงานและชีวิต ประกอบกับหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญ
กรณีเช่นนี้เมื่อ 2 ปีข้าราชการหญิงคนหนึ่งต้องพึ่งอำนาจศาลปกครองสูงสุด ให้สั่งกลับเข้าทำงานหลังถูกไล่ออกจากราชการเพราะหยุดงานเกิน 15 วัน ซึ่งกรณีนั้นผู้เสียหายชี้แจงว่าถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นถึงอดีตประธานรัฐสภาล่วงละเมิดทางเพศ