ผบช.น.เชื่อส่วยสถานบันเทิงทำลายความน่าเชื่อถือองค์กร
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเชื่อว่าส่วยสถานบันเทิงเป็นการทำลายองค์กรตำรวจไม่ให้มีความน่าเชื่อถือ ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ยืนยันไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ตามที่สถานบันเทิงกล่าวอ้าง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพบบัญชีของสถานบันเทิงย่านพระราม 3 ที่มีรายการจ่ายเงินให้กับตำรวจในตำแหน่งต่างๆ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือ ปปท.เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงย่านพระราม 3 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ซึ่งพบเป็นสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา รวมถึงพบบัญชีรายการจ่ายเงินให้กับตำรวจในตำแหน่งต่างๆ โดยมีราคาแตกต่างกัน
พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า ได้สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วว่า เจ้าหน้าที่มีการปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา รวมถึงให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปหรือไม่ ส่วนสถานบันเทิงดังกล่าวได้สั่งให้ปิดบริการไปแล้ว พร้อมยืนยันว่าตำรวจได้มีการปิดล้อมสถานบันเทิงแห่งนี้บ่อยครั้ง และล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็สามารถจับผู้เสพยาติดได้ 6 คน ภายในร้านแห่งนี้ โดยในส่วนของบัญชีรายการจ่ายเงินที่มีการพาดพิงมาถึงตัวเองนั้น ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ไม่รู้จักว่าร้านดังกล่าวมีที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งใด ซึ่งที่ผ่านมาก็มอบนโยบายให้ตำรวจแต่ละพื้นที่ไปดูแลควบคุมปราบปรามแหล่งอบายมุข ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นการทำลายองค์กรตำรวจไม่ให้มีความน่าเชื่อถือ
ขณะที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กล่าวว่า พบความผิดปกติของบัญชีรายการจ่ายเงินของสถานบันเทิง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบทั้งหมด โดยยืนยันว่าไม่มีการปกป้องตำรวจด้วยกันเอง
สำหรับสถานบันเทิงแห่งนี้ถูกเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ปปส.เข้าตรวจค้น เมื่อกลางดึกวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการกว่า 80 คน รวมถึงพบยาเสพติด และอาวุธปืนภายในสถานบริการ ซึ่งหลังจากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบบัญชีรายการจ่ายเงินใหกับตำรวจในตำแหน่งต่างๆ ทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองปราบปราม และกองบังคับการตำรวจปฏิบัติพิเศษ