อดีตอธิบดีตำรวจยอมรับการจ่ายส่วยมีมานานแล้ว
อดีตอธิบดีกรมตำรวจยอมรับการจ่ายส่วยให้ตำรวจว่ามีมานานแล้ว โดยเฉพาะสถานบันเทิง และบ่อนการพนัน และคำชี้แจงจากตำรวจที่มีชื่อ และตำแหน่งพาดพิงยืนยันไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์หลังจากทีมข่าวทีวีไทยนำเสนอรายงานการจ่ายเงิน หรือที่เรียกว่าส่วยให้ตำรวจจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 โดยในวันนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ซึ่งสถานบันเทิงที่เปิดเผยบัญชีการจ่ายเงินให้ตำรวจคือ กิ๊กกะกุ้ง หรือ เอ็กซ์ไซด์ผับ ถนนพระราม 3 ซึ่งบัญชีถูกเปิดเผยหลังเจ้าหน้าที่ ปปท. และ ปปส. เข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา และพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ พบยาเสพติดและอาวุธปืน
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อ และตำแหน่งที่มีชื่อพาดพิง ออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จักสถานบันเทิงแห่งนี้ และที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้ตำรวจแต่ละพื้นที่ไปดูแลควบคุมปราบปรามแหล่งอบายมุข อย่างเข้มงวด เรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นการทำลายองค์กรตำรวจไม่ให้มีความน่าเชื่อถือ
ด้าน พล.ต.ต อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า ได้สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วว่า เจ้าหน้าที่มีการปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา รวมถึงให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปหรือไม่รวมทั้งมีการเรียกรับเงินหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.อ ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า การจ่ายส่วยให้ตำรวจว่ามีมานานแล้ว โดยเฉพาะสถานบันเทิง และบ่อนการพนัน ซึ่งการจ่ายเงินก็เพื่อให้อำนวยความสะดวก และเงินที่ได้ส่วนใหญ่ก็จะถูกนำไปซื้อขายตำแหน่งเพื่อให้ได้อยู่ในพื้นที่เกรดเอ
ส่วนพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กล่าวว่า พบความผิดปกติของบัญชีรายการจ่ายเงินของสถานบันเทิง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบทั้งหมด โดยยืนยันว่าไม่มีการปกป้องตำรวจด้วยกันเอง
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในปัจจุบัน ป.ป.ท .มีข้อมูลตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงและบ่อน ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดต่อหน้าที่ ซึ่งหลังราบรวมรายละเอียดจะส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอให้ ปปช.ดำเนินการ