สหรัฐจัดงานสัปดาห์หนังสือต้องห้าม
ไม่เพียงที่บ้านเราจะห้ามตีพิมพ์จำหน่ายหนังสือบางประเภทที่มีปัญหาหรือไม่เหมาะสม แต่ที่สหรัฐอเมริกา ก็มีการแบนหนังสือเช่นเดียวกัน แต่เขาก็มีทางออกให้กับหนังสือเหล่านี้โดยการจัดสัปดาห์หนังสือต้องห้ามทุกๆ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน เพื่อเรียกร้องสิทธิในการรับรู้อันเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาธิปไตยตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนถึงวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ถือเป็นปีที่ 29 ของการจัดงานสัปดาห์หนังสือต้องห้ามในสหรัฐอเมริกา โดยสมาคมห้องสมุดอเมริกัน จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเสรีภาพของการแสดงออก และย้ำถึงอันตรายของการจำกัดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลในสังคมประชาธิปไตย หลังจากหลายปีที่ผ่านมาเสรีภาพในการรับรู้ของผู้อ่านในสหรัฐอเมริกา ถูกคุกคามโดยกระบวนการแบน และการขึ้นบัญชีหนังสือมีปัญหาในชุมชนหลายแห่งของสหรัฐอเมริกา
ก่อนที่หนังสือเล่มหนึ่งจะเป็นของต้องห้าม หรือ Banned booksจะมีการขึ้นบัญชีว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือ Challenged books ซึ่งจะถูกจัดวางไว้ในที่เยาวชนยากจะเข้าถึง แต่หากคณะกรรมการชุมชนพิจารณาว่าหนังสือเล่มนั้นไม่เหมาะแก่การอ่าน ก็จะถูกนำออกจากห้องสมุด และสถานศึกษาของชุมชนทันที แม้ว่าจะเป็นขบวนการที่ชุมชนมีส่วนร่วม แต่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการตัดสินของคนเพียงกลุ่มเดียวในการจำกัดสิทธิการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ในชุมชน
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมามีการขึ้นบัญชีหนังสือมีปัญหาในสหรัฐฯกว่า 10,676 ครั้ง ซึ่งกว่าครึ่งเป็นการร้องเรียนจากผู้ปกครองกว่า 6,010 ครั้ง และ 1,407 ครั้งโดยผู้ดูแลห้องสมุด ซึ่งเนื้อหาที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดได้แก่การเปิดเผยทางเพศ ตามด้วยการเสนอความรุนแรง และนอกรีต หรือเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อนักอ่านทุกกลุ่มวัย ซึ่งปัจจุบันการแบนยังลามไปถึงโลกการอ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อ Knife Music หนังสือแนวสืบสวนเคยถูกปฎิเสธจัดจำหน่ายในเวอร์ชั่นอีบุ๊คเมื่อปี 2008 เพราะถูกชี้ว่ามีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้จัดจำหน่าย
จูดิธ ครุง ผู้ก่อตั้งงานสัปดาห์หนังสือต้องห้ามซึ่งเสียชีวิตเมื่อปีก่อน เคยกล่าวว่า การเซ็นเซอร์ไม่ควรจะถูกใช้เป็นหนทางของการแก้ปัญหาในทุกสื่อ เพราะว่าประชาชนทุกคนควรมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลภายใต้บัญญัติสิทธิพื้นฐานของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา