นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญาให้กับผู้ครอบครองอาวุธสงครามโดยผิดกฎหมาย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการสร้างสถานการณ์ระเบิดในกรุงเทพมหานครขณะนี้ ขณะที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จะต้องปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ การเกษียณอายุราชการของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกการอำลาตำแหน่งของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมส่งมอบต่อภารกิจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ จะต้องมอบงานด้านความมั่นคงที่ดูแลมาโดยตลอดให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมกับการลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองไปลงเลือกสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี
ขณะที่โครงสร้างศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามการลาออกของนายสุเทพ และการเกษียณอายุราชการของ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีจะตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ ศอฉ.แทนนายสุเทพ พร้อมกับการเข้ามาเป็นผู้ดูแลสถานการณ์อย่างเต็มตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศอฉ.
พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายทหารที่เติบโตมาจากการเป็น "ทหารเสือราชินี" ที่ยึดมั่นและถูกปลูกฝังในความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบัน ผ่านงานการดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคมมาแล้ว การแก้ไขปัญหาการก่อเหตุวุ่นวายท้าทายอำนาจรัฐ จึงเป็นงานที่ท้าทายเบื้องต้นในการเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ช่วงสัปดาห์หน้า เป็นการประเดิมการทำงานในโครงสร้างใหม่ของ ศอฉ.โดยจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 24 มิถุนา และเครือข่าย เพื่อระลึกเหตุการณ์การเมือง ช่วงเดือนตุลาคม ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมีการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งการดูแลสถานการณ์ให้มีความเรียบร้อย จะเป็นสิ่งพิสูจน์การทำหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. ที่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจใหม่ได้เป็นอย่างดี