กักขังและทำร้ายร่างกาย ด.ญ.วัย 14 ปีนาน 10 วัน
ผู้ปกครองรายหนึ่งเข้าแจ้งความว่าหลานของตัวเองถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวนานถึง 10 วัน หลังจากนั้นยังได้นำไปโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหวังจะฆาตกรรม แต่นับว่าโชคดีของเด็กหญิงรายนี้ที่ไม่เสียชีวิต ทำให้เข้าแจ้งความกับตำรวจจนนำไปสู่การจับกลุ่มคนร้ายได้ทั้งหมด
รอยสักที่หลังของเด็กหญิงคนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่องรอยที่ถูกทำร้ายร่างกาย ระหว่างที่เธอถูกขังไว้ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านพระราม 2 เป็นเวลานานถึง 10 วัน เธอเล่าว่าเพื่อนหญิงของเธอได้พาเธอมาที่บ้านหลังนี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน หลังเธอมีปากเสียงกับบิดา และยอมรับมาพักค้างคืนที่นี่ ระหว่างนั้นนายณัฐพล จเรจินดารัตน์ ข่มขู่บังคับให้เธอได้โทรศัพท์กลับบ้านเพื่อให้ผู้ปกครองโอนเงินมาให้ 10,000 บาท แต่เมื่อผู้ปกครองไม่ยอมโอนเงิน เธอจึงถูกทำร้ายร่างกาย ด้วยการถูกโกนหัวเพื่อเอาธูปจี้ที่ศรีษะ เอาเข็มสักที่หลังเป็นตัวอักษร เอามีดกรีดที่บริเวณโคนขา และยังใช้น้ำยาล้างห้องน้ำราดที่อวัยยะเพศ
เธอถูกกักขังไว้บ้านหลังนี้นาน 10 วัน จนวันที่ 29 กันยายนเธอถูกนำขึ้นรถจักรยานยนต์ โดยมีนายณัฐพลเป็นคนขับ และนายกอล์ฟ อายุ 15 ปี นั่งประกบ ก่อนจะนำไปที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งจากนั้นทั้ง 2 คนก็โยนเธอลงมา แม้ว่าเธอจะว่ายน้ำไม่เป็น แต่โชคดีที่จังหวะนั้น มีกอของผักตบชวาลอยผ่านมาเธอจึงอาศัยเกาะกอผักตบชวาลอยคอจนได้มาขึ้นที่บริเวณท่าน้ำราษฎร์บูรณะ จากนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี
ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด จึงเข้าจับนายณัฐพล พร้อมพวกรวม 3 คนได้ที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งนายณัฐพลได้ปฏิเสธทุกข้อหา เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาพยายามฆ่า กักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำอนาจาร และกรรโชกทรัพย์
ขณะที่ผู้ปกครองยอมรับว่า ระหว่างที่เด็กหญิงหายออกจากบ้านก็ไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะเข้าใจว่าไปนอนค้างบ้านเพื่อน ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ดูแลบุตรหลานจนทำให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้