ตรวจสอบผู้เช่าห้อง 202 ที่เกิดระเบิด
นายสมัย วงศ์สุวรรณ ผู้ที่เช่าห้องในสมานเมตตาแมนชั่นที่เกิดระเบิด เจ้าหน้าที่พบประวัติเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่จังหวัดเชียงใหม่และหลบหนีคดีในชั้นอัยการ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ว่า “สมัย” เสียชีวิตในที่เกิดเหตุหรือไม่
ภาพชายรูปร่างท้วมที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดของสมานเมตตาแมนชั่น ได้รับการยืนยันจากเจ้าของและผู้ดูแลแมนชั่นว่า คือนายสมัย วงศ์สุวรรณ ผู้เช่าห้อง 202 ที่เกิดระเบิด โดยในภาพยังแสดงให้เห็นถึงเวลาก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง
จนถึงขณะนี้มีการยืนยันรายชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพจากเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น คือนายจตุรงค์ คำรอด, น.ส.ทัศนี ลาภเจริญ และนายอภิรักษ์ สัจจบรรยงกิจ ส่วนศพที่ 4 ที่พบล่าสุดอยู่ในสภาพไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ และยังไม่ชัดเจนว่าเป็นนายสมัยหรือไม่
การตรวจสอบประวัตินายสมัย พบเป็นชาวอำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับนางบัวคำ เมืองมา ภรรยา ที่บ้านเลขที่ 168 บ้านดอนไฟ ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ นานกว่า 10 ปี โดยไม่มีบุตร นายสมัยเคยทำงานรักษาความปลอดภัยในโรงแรมและธนาคาร จากนั้นลาออกมารับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน ก่อนจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
นายสมัย ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายนิยม เหลืองเจริญ หรือดีเจแหล่ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ในคดีปาประทัดยักษ์และบุกรุกทำลายศูนย์ประสานงานของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนส.ค.52 แต่หลบหนีคดีในชั้นอัยการ
นางบัวคำ ยอมรับว่า สามีเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.แทบทุกครั้ง ล่าสุดร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร โดยครั้งนั้นถูกยิงที่แก้ม ก่อนเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนการสลายการชุมนุมเพียง 1 วัน และออกจากบ้านอีกครั้งเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก บอกเพียงว่า เราถอยไม่ได้แล้ว
เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตรวจสอบบ้านพัก แต่ไม่พบเอกสารหรืออุปกรณ์ระเบิดในบ้านพักจังหวัดเชียงใหม่
แม้ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่า นายสมัยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุหรือไม่ แต่การตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลสามารถตรวจยืนยันผลได้ภายใน 2 วัน
ส่วนชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ได้นำภาพหญิงต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายสมัย และเคยไปหาสู่กับนายสมัยหลายครั้ง มาสอบถามประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสอีกทางด้วย