ตำรวจยืนยันว่า ผู้เกี่ยวข้องคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น และเหตุสร้างสถานการณ์หลายพื้นที่ ยังอยู่ในประเทศ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 กังวลว่าข่าวการฝึกอาวุธของผู้ก่อความไม่สงบที่กัมพูชา จะกระทบความสัมพันธ์ พร้อมสั่งเข้มงวดการเข้าออกจุดผ่านแดน
แหล่งข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า เส้นทางบริเวณป่าด้านทิศตะวันตกของช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เชื่อมไปยัง อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย และทางเดินเท้าที่อยู่ห่างด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 100 เมตร อาจเป็นเส้นทางที่กลุ่มผู้ก่อความสงบ ใช้เป็นเส้นทางหลบหนีออกนอกประเทศ และเข้าไปฝึกอาวุธที่ประเทศกัมพูชา
ด้านเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องจอม เปิดเผยว่า ได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบุคคลที่ผ่านเข้าออกมากขึ้น แต่ยังไม่พบความผิดปกติ ซึ่งหากมีการลักลอบเข้า-ออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบได้
ขณะที่พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ที่สั่งเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบบุคคลเข้าออกบริเวณชายแดน พร้อมยอมรับว่ากังวลใจกรณีดีเอสไอให้ข่าวเกี่ยวกับการฝึกกองกำลังติดอาวุธในกัมพูชา เพราะอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ แต่ยังไม่มีการประสานพูดคุยกับผู้นำทหารกัมพูชากรณีดังกล่าว
ส่วนการติดตามผู้มีความเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และการสร้างสถานการณ์หลายพื้นที่ โดยเฉพาะนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ยืนยันว่า ยังไม่ออกนอกประเทศ เนื่องจากล่าสุดพบเบาะแสว่าอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ประสานให้ตำรวจภาค 5 รับผิดชอบต่อ ซึ่งการตรวจสอบหลักฐานเชื่อมโยงอื่น ๆพบว่า นายกษิ มีภรรยามากกว่า 4 คน และทุกคนอ้างว่า ไม่ทราบข้อมูลส่วนตัวของนายกษิ มากนัก ทราบเพียงเป็นนักธุรกิจค้าปุ๋ย
ขณะที่ข้อมูลจากนักธุรกิจที่เคยติดต่อกับนายกษิ พบว่า นายกษิเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง รู้จักบุคคลหลายระดับ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และก่อนหน้านี้พบการสั่งซื้อปุ๋ยจำนวนมาก แต่ไม่มีการจำหน่ายออก จึงคาดว่า อาจเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อเหตุระเบิดสร้างสถานการณ์