แพทย์ต้องเฝ้าดูอาการเด็กทำแท้งอย่างใกล้ชิดอีก 3 วัน
วานนี้มีเหตุการณ์สะเทือนใจและสะท้อนถึงปัญหาสังคมชีวิตในวัยเรียนเมื่อเกิดเหตุเด็กนักเรียนหญิงโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ตั้งครรภ์ประมาณ 8 เดือน จากนั้นกินยาทำแท้งที่ซื้อมาจากเว็บไซต์เพื่อทำแท้งด้วยตัวเองในคอนโดมิเนียมย่านห้วยขวางแต่เกิดอาการตกเลือด เพื่อนสนิทนักเรียนชายในวัยเดียวกันต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพื่อยื้อชีวิตนักเรียนหญิงรายนี้
ภายในห้องพักของเด็กนักเรียนรายนี้ที่มีสภาพข้าวของกระจัดกระจายสอดคล้องจากปากคำของเพื่อนสนิทนักเรียนชายในวันเดียวกันว่า ภายหลังจากกินยาเพื่อทำแท้งด้วยตัวเองเพื่อนนักเรียนหญิงก็เกิดอาการปวดท้องรุนแรงจากการตกเลือดและดิ้นทุรนทุรายจากอาการปวดท้อง จนกระทั่งหมดสติ ส่วนเด็กในครรภ์ก็คลอดออกมาเสียชีวิต
ทีวีไทยได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ตามที่ได้รับข้อมูลว่าเด็กนักเรียนหญิงรายนี้เข้าไปสั่งซื้อยาชื่อว่า “ไซโคเทค” ที่พบว่าโฆษณาจำหน่ายยาสอดช่องคลอดชนิดเม็ดสามารถทำแท้งได้ทุกขนาดอายุครรภ์ตั้งแต่ 1 เดือนถึง 7 เดือนอย่างชัดเจน
เว็บไซต์แห่งนี้ยังมีวิธีการสั่งซื้อยาวิธีการใช้ราคายาแต่ละชนิดแต่ไม่นานนักหลังจากข่าวนักเรียนที่ซื้อยาทำแท้งจากเว็บไซต์แห่งนี้ถูกเผยแพร่เว็บไซต์แห่งนี้จึงกลับเปลี่ยนชื่อเว็บลิงค์ไปเว็บไซต์อีกแห่งหนึ่ง ที่พบว่า โฆษณาจำหน่ายยาทำแท้งเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นทีมข่าวทีวีไทย จึงโทรศัพท์ สอบถามข้อมูล เรื่องยาทำแท้งจากผู้โษณาขายยาทำแท้ง
พ.ญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี บอกว่า เด็กนักเรียนได้กินยาทำแท้งขณะนี้ได้รับตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีแล้วขณะถูกนำตัวเข้ารับการรักษาเด็กนักเรียนหญิงมีอาการช็อกไม่รู้สึกตัวเนื่องจากเสียเลือดมากแพทย์ต้องนำตัวเข้ารับการผ่าตัดนำเลือดที่ตกค้างออกขณะนี้ยังต้องเฝ้ารอดูอาการอย่างใก้ชิด3 วันเพราะเกรงว่าจะเกิดอาการติดเชื้อ
ข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟเปิดเผยรายงานว่า วัยรุ่นไทยตั้งท้องในวัยเรียนสูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์และมีอัตราส่วนท้องในวัยเรียนกว่าวัยรุ่นยุโรป และอเมริกา เฉลี่ยอายุการตั้งครรภ์ในวัยเรียนน้อยที่สุด อายุ 12 ปี และไม่เกิน 19 ปีร้อยละ 80 ล้มเหลวทางการเรียนต้องออกมาเลี้ยงลูกต้องร่อนเร่หางานทำไร้อาชีพอีกร้อยละ 20 ต้องให้พ่อแม่เลี้ยงลูกและเด็กที่คลอดส่วนหนึ่งกลายเป็นเด็กขาดความรักจากพ่อ