อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทั่วโลกตื่นตัวให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย
ความสำเร็จของรัฐบาลชิลีในการช่วยเหลือคนงานเหมืองทั้ง 33 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากหลายประเทศที่ขอให้รัฐบาลของตัวเองหันมาทบทวนและให้ความสำคัญกับมาตราการความปลอดภัยของอุตสาหกรรมเหมืองในประเทศให้มากขึ้นนายหู ซิงโตว ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจ จากสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่งของจีน เสนอให้รัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลของอุบัติเหตุเหมืองแร่ในประเทศให้โปร่งใสและเปิดกว้าง โดยดูตัวอย่างประเทศชิลีที่ยอมให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างเปิดเผยตั้งแต่ตอนแรกที่เหมืองถล่มและรัฐบาลควรปรับปรุงมาตราฐานความปลอดภัย ซึ่งทุกวันนี้รัฐบาลจีนแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เนื่องจากประเทศจีนต้องการใช้พลังงานจากถ่านหินจำนวนมาก เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของจีน ได้ชื่อว่ามีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดของโลก เมื่อปีที่แล้วคนงานเหมืองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน 2,631 คน หรือเฉลี่ยเสียชีวิตวันละ 7 คน
ส่วนที่ประเทศเม็กซิโก ด้านองค์กรด้านสิทธิแรงงานและญาติของคนงานเหมือง 65 คน ที่เสียชีวิตจากเหมืองระเบิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ออกมาตำหนิรัฐบาลเม็กซิโกในยุคนั้นและบริษัทกรุ๊ปโป้ เม็กซิโก เจ้าของเหมืองที่ไม่ใช้ความพยายามมากเพียงพอในการช่วยเหลือคนงาน ในตอนนั้นรัฐบาลและบริษัทใช้เวลาค้นหาคนงานเหมืองไม่ถึง 48 ชั่วโมง และยังไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม โดยประกาศว่าคนงานทั้ง 65 คนเสียชีวิตแล้วหลังจากที่เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 วัน การฟ้องร้องในครั้งนั้นยุติลงด้วยการที่บริษัทจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตครอบครัวละ 16,500 เหรียญสหรัฐหรือเกือบ 500,000 บาท
ขณะที่ประเทศโคลัมเบีย ตอนนี้มีคนงาน 2 คนติดอยู่ใต้เหมืองถ่านหินในรัฐโบยาก้า มานาน 3 วัน ด้านหัวหน้าฝ่ายกองกำลังป้องกันพลเรือนบอกว่าทีมงานกำลังเร่งมืออย่างเต็มที่โดยส่งเจ้าหน้าที่ 30 คนไปทำงานเพื่อช่วยเหลือคนงานตลอด 24 ชั่วโมง และหวังว่าจะสามารถช่วยคนงานทั้งคู่ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชิลี แต่สำหรับกรณีนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อกับคนงานที่อยู่ใต้เหมืองได้