กทม.มั่นใจแผนป้องกันน้ำท่วมรับมือน้ำเหนือได้
กรุงเทพมหานครเชื่อมั่นแผนป้องกันน้ำท่วมสามารถรับมือน้ำที่จะไหลสู่กรุงเทพมหานครได้อย่างแน่นอน ขณะที่พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี เริ่มถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างแล้ว
เตาโอ่งอ่าง เตาเผาโบราณเมืองสามโคก จังหวัดปทุมธานี บริเวณหน้าวัดสิงห์ อยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง หลังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ และทำให้เตาเผาโบราณที่ก่อด้วยอิฐแดงถูกน้ำท่วมสูงหลายวันแล้ว ซึ่งชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานนำกระสอบทรายมากั้น แล้วสูบน้ำออก เพื่อรักษาเตาเผาให้อยู่ในสภาพดีที่สุด เช่นเดียวกับอุโบสถฐานรูปท้องเรือสำเภา และเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ภายในวัดตำหนัก ก็ถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน
ขณะที่เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบสถานีสูบน้ำคลองเชียงราก บริเวณวัดศาลเจ้า ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี พร้อมสั่งการให้เสริมแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้นอีก หลังกรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนทั้ง 3 แห่ง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ในช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดวันที่ 27 ต.ค.นี้ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดปทุมธานีอยู่ที่ 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนที่จังหวัดนนทบุรี ก็มีน้ำท่วมขังแล้วหลายพื้นที่เช่นกัน โดยที่ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด และตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี ที่จะถูกน้ำท่วมวันละ 2 ครั้ง ช่วงน้ำขึ้น ขณะที่อำเภอไทรน้อย ได้ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติแล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีการเพาะปลูกข้าวและสวนกล้วยไม้เศรษฐกิจส่งออกที่สำคัญ จึงจำเป็นต้องเร่งหาทางป้องกัน
ส่วนกรุงเทพมหานครได้เตรียมป้องกันพื้นที่ชั้นในด้วยการปิดประตูระบายน้ำบางจุด เพื่อไม่ให้น้ำเหนือและภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน และเตรียมการระบายน้ำออกสู่คลองสำโรง รวมถึงระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย ด้วยเครื่องสูบน้ำประสิทธิภาพสูงที่สามารถสูบน้ำได้ถึง 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยยืนยันว่าจะไม่มีการผันน้ำสู่พื้นที่หนองจอกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หากพื้นที่เขตหนองจอกน้ำท่วม ยังได้เตรียมสูบน้ำออกสู่คลองระพีพัฒน์ เชื่อมต่อไปยังคลอง 13 ผ่านพื้นที่ลาดกระบังและจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะไหลออกสู่ทะเลต่อไป