6 จังหวัดในภาคเหนือ คือ จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดตาก, จังหวัดกำแพงเพชร, จังหวัดพิจิตร, จังหวัดลำพูน และจังหวัดพิษณุโลก ยังคงมีน้ำท่วม โดยจังหวัดพิษณุโลกเร่งระบายน้ำเข้าสู่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเพื่อลดมวลน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคกลาง
ขณะนี้น้ำที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับกว่า 3 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม 10 เซนติเมตร โดยมวลน้ำสูงสุดจากจังหวัดนครสวรรค์จะไหลมาถึงภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะนี้ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเกาะเมืองอยู่ที่ระดับ 4.84 เมตร ขณะที่พนังกั้นน้ำสูง 5.50 เมตร คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) น้ำจะเพิ่มขึ้นอีก 10-20 เซนติเมตร และภายใน 7 วัน น้ำอาจจะสูงขึ้นอีกกว่า 50 เซนติเมตร และยังคงจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีก 30 วัน
น้ำที่ไหลมาเพิ่มขึ้นในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยายังส่งผลกระทบให้จังหวัดปทุมธานีอยู่ในภาวะวิกฤตเช่นกัน แม้ขณะนี้จะยังรักษาพื้นที่ไว้ได้กว่าร้อยละ 95 แต่ก็ยังต้องเสริมกระสอบทรายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จากเดิมที่มีแนวกระสอบทรายสูง 2.50 เมตร ก็ต้องเสริมเป็น 3.00-3.10 เมตรแล้ว แต่น้ำก็ยังอาจจะล้นตลิ่ง จากน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เมตร โดยวันนี้ (24 ต.ค.) ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีก 10-20 เซนติเมตร และยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทางด้านภาคเหนือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 จังหวัดพิษณุโลก รายงานว่า นอกจากอำเภอเมืองและอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก จะถูกน้ำท่วมแล้ว น้ำฝนที่ตกในเทือกเขา เขตตำบลพิชัย ตำบลนายาง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพรหมพิราม ฝั่งตะวันออก สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรมกว่าหมื่นไร่แล้ว
กรมชลประทานกำลังระบายน้ำไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย ด้านอำเภอวัดโบสถ์ เข้าสู่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ซึ่งขณะนี้สามารถรับน้ำได้อีกไม่เกินร้อยละ 10 ของความจุอ่าง เพื่อป้องกันน้ำเหนือไหลลงสมทบในพื้นที่ภาคกลางอีก คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 4 วัน จึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ