จ.สงขลาเตรียมรับมือน้ำท่วม

ภูมิภาค
1 พ.ย. 53
01:27
76
Logo Thai PBS
จ.สงขลาเตรียมรับมือน้ำท่วม

ชลประทานจังหวัดสงขลาเตรียมมาตรการรองรับน้ำท่วมตัวเมืองหาดใหญ่ด้วยการพร่องน้ำ เพื่อรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาใหม่โครงการชลประทานสงขลาตัดสินใจระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำคลองหลา อ่างเก็บน้ำคลองหอยโข่ง และอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร ลงสู่คลอง ร.1 เพื่อผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาอ้อมเมืองหาดใหญ่ลงสู่ทะเลสาปสงขลา ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกหนักหลังจากนี้ โดยเชื่อมั่นว่าวิธีการนี้จะช่วยป้องกันเหตุซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ เมื่อ 10 ปีก่อน แต่มาตรการพร่องน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมกลับสร้างความกังวลใจให้กับเกษตรกรพื้นที่ตำบลปริก อำเภอสะเดา ที่ต้องใช้น้ำจากคลองอู่ตะเภา เนื่องจากพื้นที่กว่า 7,000 ไร่ ของอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา บ้านห้วยคู ตำบลสำนักแต้ว อำเภอสะเดา ที่สามารถรองรับน้ำได้กว่า 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกระบายน้ำให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น หากไม่เกิดน้ำท่วมแล้วในระยะยาวชาวอำเภอหาดใหญ่ และอำเภอใกล้เคียง อาจประสบปัญหาภัยแล้ง เพราะน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง เป็นแหล่งน้ำที่นำไปผลิตน้ำประปา
ขณะที่ผู้ประกอบการในอำเภอหาดใหญ่บางคนซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 10 ก่อน เริ่มไม่ไว้วางใจในสถานการณ์และเตรียมเคลื่อนย้ายทรัพย์สินทันทีที่ฝนตกหนัก นอกจากน้ำท่วมแล้วปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกอย่างก็คือ คลื่นลมในอ่าวไทยที่มีกำลังแรง โดยเฉพาะที่บริเวณชายหาดชลาทัศน์ เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งล่าสุดแนวสันเขื่อนกั้นคลื่นความยาว 860 เมตร ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้รับความเสียหาย จนเหลือเพียงเฉพาะตัวเขื่อน ซึ่งเป็นกระสอบบรรจุทราย ที่ใช้รองรับแรงกระแทกของคลื่นเท่านั้น
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ เมื่อปี 2543 เป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 21-23 พฤศจิกายน ฝนที่ตกหนักในเขตเทือกเขาสันกาลาคีรี บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งตามปกติน้ำจะระบายผ่านคลองอู่ตะเภา ผ่านเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และไหลออกสู่อ่าวไทยบริเวณทะเลสาบสงขลา แต่ในปีนั้นการระบายน้ำทำได้ไม่ดี เนื่องจากคูคลองตื้นเขิน และมีแนวคันกีดขวางทางเดินของน้ำ คือ ถนนลพบุรีราเมศวร์ ที่สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2533 ถนนสายสนามบิน-ควนลัง และทางรถไฟ ประกอบกับพื้นที่ของตัวอำเภอหาดใหญ่มีลักษณะเป็นที่ลุ่มรูปแอ่งกะทะ ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงในบริเวณตัวเมืองชั้นใน ระดับน้ำท่วมสูงเฉลี่ยกว่า 3 เมตรครึ่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตตามประกาศทางราชการ 35 คน และ ทรัพย์สินเสียหายรวมกว่า 18,000 ล้านบาท


แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง