หวั่นเฟดอัดฉีด 6 แสนล้านดอลลาร์กระทบเศรษฐกิจไทย
การอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐอีก 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักวิชาการจากธนาคารกสิกรไทยหวั่นอาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ ขณะที่ “กรณ์” มั่นใจค่าเงินบาทไม่ผันผวน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับร้อยละ 0.0-0.25 และซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกลางปีหน้า เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่กำหนดเป้าหมายไว้
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงมาตรการของเฟดว่า เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ และเชื่อว่าตลาดเงินจะไม่ผันผวน เพราะเป็นการทยอยซื้อพันธบัตร ถึงกลางปีหน้า แต่ก็มีผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินทุกสกุล
ขณะที่นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เม็ดเงินที่อัดฉีดครั้งนี้สูงกว่าที่คาดการณ์ถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกรงว่า เงินต่างประเทศที่ทะลักเข้ามาอาจกลายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ในอนาคตได้ ดังนั้นสถาบันการเงินต้องระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หรือไม่ควรใช้เงินดังกล่าวมากเกินไป เพราะหากเงินออกไปเร็ว จะส่งผลต่อสภาพคล่อง ขณะที่ค่าเงินบาทภายในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
เช่นเดียวกับน.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า แม้มาตรการนี้จะไม่เหนือความคาดหมาย แต่ก็เป็นห่วงถึงผลกระทบจากการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากครั้งนี้ ว่าจะกระทบกับค่าเงินบาทมากน้อยแค่ไหน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เปิดเผยว่า เตรียมขอให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ใช้โอกาสที่เงินบาทแข็งค่าให้นำเข้าสินค้า หรือวัตถุดิบต่างๆ เร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดงบได้ถึง 15,000 ล้านบาท