ปลัดอำเภอขนอมห้ามประชาชนกลับเข้าพื้นที่หลังโคลนถล่ม
ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช ห่วงภาวะน้ำทะเลหนุน ทำน้ำเอ่อล้นเทศบาลเมือง ขณะที่ปลัดอำเภอขนอม ห้ามประชาชนกลับเข้าพื้นที่ หลังเหตุโคลนถล่มนายศุภโชค พูนพรามพูน ปลัดอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงเหตุการณ์โคลนถล่มจากเทือกเขา สร้างความเสียหายให้ 34 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอขนอม ว่าหลังเกิดเหตุก็ได้ทำการอพยพประชาชนออกมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย และยังคงห้ามประชาชนกลับเข้าพื้นที่ ทั้งนี้ยังได้มีการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงตามเทือกเขาต่างๆ โดยสภาพภูมิประเทศของอำเภอขนอม ประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ และตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จนถึงเช้าวันนี้(5พ.ย.) ยังคงมีฝนตกอยู่ จึงทำให้พื้นที่เทือกเขาต่างๆรับน้ำไว้ปริมาณมาก จึงมีโอกาสที่สายธารโคลนไหลถล่มลงมาได้อีก ซึ่งในส่วนของการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่อพยพออกมาจากพื้นที่แล้ว ก็ได้มีการระดมถุงยังชีพ จัดเจ้าหน้าที่ดูแลให้การช่วยเหลือแล้ว อย่างไรก็ตามปลัดอำเภอขนอมยอมรับว่า เหตุการณ์โคลนถล่มลักษณะเป็นสายธารโคลนไหลลงมานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่อำเภอขนอม จึงถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นที่นี่
ขณะที่นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศให้ 22 อำเภอ จาก 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติ โดยพบว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปแล้ว 30,000 ครัวเรือน ส่วนบริเวณที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.หัวไทร และอ.ปากพนัง โดยเฉพาะที่บ้านคีรีวงค์ อ.พรหมคีรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากเขาหลวงที่ไหลมาท่วม และ มีเป็นห่วงว่าน้ำจะเอ่อล้นในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช หากเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ได้สั่งเฝ้าระวังพายุดีเปรสชั่นในพื้นที่บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ส่วนพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม ได้มีการเตรียมการเฝ้าระวังไว้ตลอด