เมียนมาเตรียมส่งผู้อพยพกลับบังคลาเทศ

เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญกับการค้นหาและช่วยชีวิตผู้อพยพเป็นอันดับแรก ขณะที่รัฐบาลเมียนมาเตรียมส่งตัวผู้อพยพชาวบังคลาเทศกลับประเทศ

ซอว์ เทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานประธานาธิบดีเมียนมา เปิดเผยว่า ผู้อพยพทางเรือ 208 คนที่กองทัพเรือเมียนมาช่วยเหลือจากอ่าวเบงกอล เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.2558) จะถูกส่งกลับไปบังคลาเทศ

ด้านนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า การค้นหาและช่วยชีวิตผู้อพยพเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งและประเทศในภูมิภาคนี้ควรร่วมมือกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ใช้เวทีการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 29 พ.ค.2558

นางจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า อินโดนีเซียเชื่อว่ามีผู้อพยพทางเรือประมาณ 7,000 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 30-40 เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาจากเมียนมา ที่เหลือเป็นชาวบังคลาเทศ นอกจากนี้อินโดนีเซียยังระบุว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้อพยพขอลี้ภัย แต่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย เพราะพวกเขาได้รับคำสัญญาว่าจะมีงานทำหรือไม่ก็ต้องการไปหางานทำในมาเลเซีย ส่วนที่เมืองลังซา ประเทศอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่จัดตั้งศูนย์พักพิงให้ผู้อพยพ 443 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 82 คน

สาเหตุที่ทำให้เรือของผู้อพยพประมาณ 7,000 คนถูกทิ้งให้ลอยลำอยู่กลางทะเล เป็นผลมาจากการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังของทางการไทย

นายโมฮัมเหม็ด รูเบล ชาวบังคลาเทศ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้อพยพและถูกจับในประเทศไทยนานถึง 2 เดือน กล่าวว่า เขาตัดสินใจเสี่ยงชีวิตล่องเรือไปกับขบวนการค้ามนุษย์ เพราะถูกหลอกว่ามีงานให้ทำที่ประเทศมาเลเซีย แต่ระหว่างล่องเรือมีหลายคนเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง คนที่อยู่ก็ต้องทนกับความหิวโหยเพราะบนเรือไม่มีน้ำและอาหาร ส่วนลูกชายวัย 13 ปีของเขาก็ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกไปเช่นกัน เขาหวังว่าจะได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง