วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า หลังจากสายการบินนกแอร์ ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน 20 เที่ยวในวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนกแอร์ยังอยู่ในช่วงการปรับระบบบริหารจัดการภายใน และจะส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 23-29 ก.พ. นกแอร์จะยังคงใช้สายการบินพันธมิตรเข้ามาบินทดแทนในเที่ยวบินที่ต้องยกเลิกไป สำหรับมาตรการดังกล่าวจะทำให้ตารางบินเข้าสู่สภาวะปกติได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เนื่องจากขณะนี้นกแอร์มีแผนรับนักบินเข้ามาเสริมอีกประมาณ 20-30 คน ส่วนประเด็นกระแสข่าวนักบินลาออก
นายพาทียืนยันว่า นักบินของสายการบินนกแอร์ยังไม่มีใครลาออก ส่วนการยกเลิกเที่ยวบิน และการใช้สายการบินอื่นเข้ามาร่วมบิน ไม่ได้เกิดจากปัญหาจำนวนนักบิน แต่เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการพิจารณาเรื่องชั่วโมงบิน ทำให้ผลกระทบของการนำนักบินเข้ามาบินทดแทน และเป็นเหตุให้ต้องจัดตารางบินใหม่ รวมไปถึงปรับการบริหารจัดการด้วย
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตักเตือนสายการบินนกแอร์เป็นครั้งที่ 1 เนื่องจากเข้ามาแก้ไขปัญหาล่าช้า และให้สายการบินทำคำชี้แจงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากลับมา โดยปัจจุบัน กพท.อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดคำชี้แจงที่จัดส่งมาว่าครบถ้วนหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของสายการบินนกแอร์ ทั้งข้อมูลเที่ยวบิน จำนวนนักบิน จำนวนชั่วโมงบิน และจำนวนเครื่องบินว่าเหมาะสม และสอดคล้องกับการให้บริการหรือไม่ รวมทั้งยังเข้าไปตรวจสอบระบบการบริหารงานภายในให้เป็นไปตามหลักสากล โดยเฉพาะระบบการบริหารการบิน และมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน ซึ่งคาดการณ์ว่า กทพ.จะนำ เสนอผลการตรวจสอบมายังกระทรวงพิจารณาเร็วๆ นี้ จากกรณีศึกษาของสายการบินนกแอร์ เพื่อให้สายการบินมีแผนรับมือ และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับผู้โดยสาร กระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ 14 สายการบิน ไปจัดทำแผนสำคัญ 3 แผน คือ 1.แผนเผชิญเหตุฉุกเฉินกรณียกเลิกเที่ยวบินจากทุกกรณี 2.แผนการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการ ระบบบุคลากร รวมทั้งระบบการเงิน และ 3.แผนจัดการความเสี่ยงระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบไอที โดยทุกสายการบินจะต้องมีการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ ให้มีความเสถียรเพื่อป้องกันเกิดปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ล่มจนส่งผลกระทบต่อระบบจองตั๋ว และระบบเช็กอินซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร