ตำรวจเริ่มขยายผลตรวจสอบกลุ่มผู้ต้องหาจากเกสเฮ้าท์ ย่านถนนข้าวสาร 3 แห่งที่กลุ่มนี้เข้าพัก จากข้อมูลติดต่อเข้าพักเป็นรายวัน และการสอบปากคำ 1 ในผู้ต้องหารับว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.2559 ในฐานะนักท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้เดินทางไปที่พัทยา จ.ชลบุรี และอ้างว่าวางแผนก่อเหตุที่นั่น
จากนั้นคนที่เป็นระดับหัวหน้ามาดูลาดเลาร้านปืนย่านวังบูรพาและเรียกทีมมาวางแผนและเตรียมการหาซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือปืนปลอม กุญแจมือ วิทยุสื่อสาร รวมถึงจัดหารถจักรยานยนต์และสถานที่เพื่อหลบหนีก่อนก่อเหตุ 1 สัปดาห์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับกลุ่มหรือขบวนการใด แต่ 1 ในผู้ต้องหาให้ข้อมูลผ่านล่ามว่าต้องการปืนไปก่อเหตุที่พัทยาและภูเก็ต
ส่วนประเด็นที่กลุ่มผู้ต้องหาเลือกปล้นห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์อาร์ม กอล์ฟแอนด์กัน เนื่องจากวันนี้ (4 มี.ค.2559) มีเพียง 2 ร้านค้าปืนในย่านวังบูรพาที่เปิดทำการ นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับยังอ้างว่ามีคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่มที่เลือกร้านนี้ สอดคล้องกับข้อมูลที่ไทยพีบีเอสตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวมีปืนและเครื่องกระสุนที่มีคุณภาพดี แต่ช่วงที่กลุ่มผู้ต้องหาเลือกก่อเหตุทางร้านยังไม่ได้นำปืนออกมาจากตู้เซฟ กลุ่มผู้ต้องหาจึงไม่ได้ปืนตามที่ต้องการ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันจากการตรวจสอบข้อมูลกลุ่มผู้ต้องหายังไม่เชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้าย และยังไม่ขอสรุปว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกลุ่มอุยเกอร์หรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการประสานสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตรวจสอบประวัติ ซึ่งข้อมูลที่ได้เบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาอยู่ที่ประเทศจีนไม่ได้ทำอาชีพอะไรชัดเจน
ส่วนหลักฐานจากหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ซึ่งตำรวจยังไม่สามารถระบุว่า เป็นหนังสือเดินทางฉบับจริงหรือปลอม เพราะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาที่มาก่อเหตุเพิ่งเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก แต่คนที่เป็นระดับหัวหน้าที่สามารถหลบหนีไปได้ พบข้อมูลเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง