วันนี้ (6 มี.ค. 2559) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศ ณ ขณะนี้ ยังน่าเป็นห่วง โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. –1 มี.ค. 2559 มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 9,639 คน เสียชีวิต 3 คน ซึ่งถือว่าสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า โดยในปี 2558 มีรายงานผู้ป่วยเพียง 4,783 คน มากสุดในภาคกลาง รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และกรุงเทพฯ ตามลำดับ
“มาตรการป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยขอความร่วมมือประชาชนทุกบ้านต้องร่วมกันไม่ให้บ้านเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์ ผ่านมาตรการ 3 เก็บ คือ เก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ เพื่อป้องกัน 3 โรค ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย หากสามารถทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคได้ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด ใช้ยาทากันยุง นอนกางมุ้ง” ปลัด สธ. ระบุ
นพ.โสภณ กล่าวต่ออีกว่า โรคไข้เลือดออกเป็นได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยพบมากในช่วงอายุ 5-10 ปี อาการส่วนใหญ่มักจะมีไข้สูงไข้ไม่ลด นอนซม เด็กโตจะปวดศีรษะ ปวดรอบกระบอกตา ซึ่งพบได้ในผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน ในระยะไข้นี้ บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งในระยะแรกจะปวดทั่วๆ ไป และอาจปวดที่ชายโครงขวาในระยะที่มีตับโต ซึ่งต้องติดตามดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากมีลักษณะอาการดังกล่าวกับมีไข้สูงเกิน 2 วัน ควรพบแพทย์ แต่อาการที่รุนแรงอาจพบได้ตั้งแต่วันที่ 4 ของโรค
หากผู้ป่วยมีอาการซึมลง กินอาหารดื่มน้ำไม่ได้ อาจเข้าสู่ภาวะช็อกต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการเสียชีวิต โรคไข้เลือดออกรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น ให้กินยาพาราเซตามอลลดไข้ อย่าซื้อยาแก้ปวดที่มีระคายเคืองกระเพาะอาหาร เนื่องจากเสี่ยงเลือดออกในกระเพาะอาหารอันตรายถึงเสียชีวิต