ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องข้อเสนอของ "แม่น้ำ 4 สาย" ต่อการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ช่วงเย็นวานนี้ (15 มี.ค.2559) มีรายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบนายมีชัย เพื่อเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีพูดคุยหารือกับนายมีชัย โดยใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 15 นาที
หลังการหารือกับนายมีชัย พล.ต.สรรเสริญเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีให้มาปรับความเข้าใจกับนายมีชัยว่าสิ่งที่ให้สัมภาษณ์ไปนั้น เป็นการตอบคำถามสื่อแบบทหาร แต่ไม่มีเจตนาจะต่อว่าหรือสร้างความขัดแย้ง เพราะนายกรัฐมนตรีเคารพนายมีชัยที่อาสาเข้ามารับภาระในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 2 ทั้งที่มีแรงกดดันจากสังคมมาก ซึ่งนายมีชัยได้ฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเป็นกังวลกับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เชื่อว่า กรธ.จะพิจารณาข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สาย แต่หากไม่พิจารณาก็จะส่งข้อเสนอไปอีกจนกว่าจะพิจารณา พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับ กรธ. และชี้แจงว่าเหตุที่ กรธ.ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแม่น้ำ 5 สายในครั้งก่อนเพราะไม่ได้เชิญ
"อย่าไปพูดเลยว่า กรธ.ขัดแย้ง ดื้อดึง ไม่มาประชุม ก็ผมไม่ได้เชิญแล้วเขาจะมาได้ยังไง เพราะเขาเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ ในเมื่อผมจะเสนอข้อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ผมก็ต้องเรียกประชุมเฉพาะแม่น้ำ 4 สาย" นายกฯ ระบุ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหาก กรธ.ไม่ทำตามข้อเสนอจะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "กรธ.เขาคงทำตามแหละ ถ้าไม่ทำก็เสนอไปใหม่ ทำจนกว่า กรธ.จะพิจารณา"
นายกฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า ไม่กังวลหากข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สายจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ
"ผมไม่กลัว ไม่ดีก็ร่างใหม่ ทำไมล่ะ ก็ผมมีอำนาจที่จะทำให้บ้านเมืองปลอดภัย ผมไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์
สำหรับข้อเสนอที่ "แม่น้ำ 4 สาย" ซึ่งประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ส่งไปยัง กรธ. มีประเด็นสำคัญหลายประเด็น เช่น
- ส.ว.สรรหา ช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะมีอายุ 5 ปี มาจากการแต่งตั้งจำนวนกึ่งหนึ่งหรือ 250 คน และในจำนวนนี้จะต้องมีข้าราชการโดยตำแหน่ง รวม 6 คน คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ขับเคลื่อนการปฏิรูป โดยเฉพาะแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ สนับสนุนภารกิจรัฐบาลและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ผ่านการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐบาล
- เสนอให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ในการเลือกตั้งครั้งแรก แบ่งเป็น ส.ส.เขต 350 คน แต่ละเขตมี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิเลือกได้เพียง 1 คน แทนการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เพื่อไม่ให้พรรคเล็กเสียเปรีย
- ไม่เห็นด้วยกับการให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง 3 รายชื่อ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาภายหลัง เช่น หากไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากและต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม อาจทำให้ตกลงรายชื่อกันไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์อธิบายถึงเหตุผลที่เสนอเรื่อง ส.ว.สรรหาว่า เป็นเพราะที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งคู่ จึงมักจะคล้อยตามกัน เสนออะไรมาก็ผ่านหมด "ถ้าเรามีสภาหนึ่งที่คอยให้ความเห็นชอบร่วมกันว่าเรื่องนี้ควรจะทำอย่างไร เป็นสภาที่ให้คำหารือได้ ก็จะมีการทักท้วงกันได้บ้าง...ผมไม่ได้เขียนให้หรือต้องการให้ ส.ว. มีอำนาจปลดใครสักคน เขาคงไม่ไปทำอะไรเสียหายหรือสืบทอดอำนาจอะไร" นายกฯ ระบุ
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดันกับข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สาย และไม่รู้สึกหนักใจกับการทำงานต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกถอดใจหรือคิดลาออกจากตำแหน่งตามที่เป็นข่าว แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไรต่อข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สาย นายมีชัยตอบแบบติดตลกว่า "เป็นลมไปก่อนที่จะหงายหลัง"
"ใครพูดว่าผมถอดใจ ไม่มีการถอดใจ ไม่ลาออก จะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง ไม่ใช่ของเล่นเด็ก มีอะไรก็พูดจากันได้ ทำได้หรือทำไม่ได้แค่ไหนก็คุยกัน เรายังมีเวลา ไม่ต้องรีบร้อน" นายมีชัยกล่าวเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธาน กรธ.รู้สึกถูกบีบให้ทำตามข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สายหรือไม่ นายมีชัยยืนยันไม่ถูกบีบหรือถูกกดดัน
"กรธ.ทำงานได้อิสระดี ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ของประเทศ เพราะฉะนั้นใครคนใดคนหนึ่งจะดึงดันความเห็นของตัวเองไปไม่ได้ ต้องฟังเหตุผลของทุกฝ่ายแล้วเอามาช่วยกันคิดเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับประเทศ แต่คิดออกมาแล้วได้มากน้อยแค่ไหนค่อยดูกันอีกที" นายมีชัยกล่าว