นับถอยหลังถึงเส้นตาย "แจส โมบาย" จ่ายเงินประมูล 4G งวดแรก 8,040 ล้านบาท

เศรษฐกิจ
20 มี.ค. 59
19:57
184
Logo Thai PBS
 นับถอยหลังถึงเส้นตาย "แจส โมบาย" จ่ายเงินประมูล 4G งวดแรก 8,040 ล้านบาท
16.30 น. ของวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.2559) คือเส้นตายที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด จะต้องนำเงินมาจ่ายค่าประมูล 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ขณะที่ กสทช.ยอมรับว่ามีการประสานกับ บ.แจสฯ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งบริษัทยังพยายามที่จะหาเงินมาให้ได้ตามกำหนด

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าขณะนี้ กสทช. ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจาก บริษัท แจส โมบายฯ ว่าจะนำเงินประมูล 4G งวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาทมาจ่ายภายในกำหนด คือ 16.30 น. ของวันพรุ่งนี้หรือไม่ แต่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องทำหนังสือมาแจ้งล่วงหน้าก็ได้ โดยทางบริษัทสามารถนำแบงก์การันตีมายื่นได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงายว่า สิ่งที่บริษัท แจส โมบายฯ จะต้องนำมาส่งมอบให้ กสทช. คือ เงินงวดแรก 8,040 ล้านบาทและแบงก์การันตีอีก 75,654 ล้านบาท ซึ่งผู้สังเกตการณ์มองว่า ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้คือแบงก์การันตี ซึ่งมีการคาดเดากันไปหลายทาง บางส่วนเชื่อว่า บริษัท แจส โมบายฯ จะหาเงินมาได้ทันแต่บางส่วนเชื่อว่าหาไม่ได้

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท แจส โมบายฯ น่าจะหาเงินมาจากการขายหุ้นจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแจส โมบายฯ ให้กับพันธมิตรใหม่ที่มาร่วมทุน หลังจากที่จัสมินฯ เตรียมรับซื้อหุ้นคืนราคา 5 บาท จากปัจจุบันราคาเฉลี่ย 3 บาท แต่ต้องติดตามว่าใครคือพันธมิตรรายนั้น และจะส่งผลต่อตลาดทุนมากน้อยแค่ไหน อีกแหล่งหนึ่งอาจจะมาจากสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์

แต่หากบริษัท แจส โมบายฯ หาเงินไม่ทันหรือทิ้งใบอนุญาต บริษัทจะถูกยึดคืนเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท สั่งปรับค่าเตรียมการประมูล 160 ล้านบาท และถูกฟ้องแพ่งให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการไม่มาชำระเงิน เช่น ค่าเสียโอกาสในการใช้คลื่น และความล่าช้าที่เกิดจากการนำเงินค่าประมูลส่งรัฐ รวมถึงค่าประมูลคลื่นใหม่ และจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ร่วมประมูลครั้งใหม่ ซึ่ง กสทช.ระบุว่า การดำเนินงานทั้งหมดจะยึดหลักไม่ให้ประเทศเสียโอกาสทางรายได้จากการประมูลและจัดสรรคลื่น ส่วนผลกระทบต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือก็คือ ทางเลือกการใช้บริการจากผู้รับใบอนุญาตก็จะเหลือ 3 รายเท่าเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง