ทั่วไทยร้อนจัด 5 จังหวัดอุณหภูมิพุ่ง 41 องศาเซลเซียส

สังคม
21 มี.ค. 59
11:17
704
Logo Thai PBS
ทั่วไทยร้อนจัด 5 จังหวัดอุณหภูมิพุ่ง 41 องศาเซลเซียส
สถานการณ์ภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ทั่วทุกภาคของประเทศยังมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิบางพื้นที่สูงสุดอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส

วันนี้ (21 มี.ค.2559) ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศร้อนถึงร้อนจัด จ.ลำปาง จ.เพชรบูรณ์ และจ.นครราชสีมา อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกอุณหภูมิสูงสุดวันนี้่อยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และ จ.สระแก้ว 41 องศาเซลเซียส และที่ภาคใต้อากาศร้อนในตอนกลางวันอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่35-38 องศาเซลเซียส ส่วนทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

จ.พิจิตร อากาศร้อนอบอ้าวโดยอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสทำให้เจ้าหน้าที่ศูนย์แสดงจระเข้บึงสีไฟ ต้องนำสปริงเกอร์มาติดตั้งเพื่อคลายความร้อนให้กับจระเข้น้ำจืดกว่า 100 ตัว โดยติดตั้งตามจุดต่างรอบบ่อเลี้ยงพร้อมกับเปิดละอองน้ำตลอดทั้งวันเพื่อลดความร้อนให้กับจระเข้

เจ้าหน้าที่เผยว่า ปีนี้ (2559) อากาศร้อนกว่าปีที่แล้วส่งผลให้จระเข้ทำร้ายกันเอง แต่เมื่อทดลองเปิดละอองน้ำทำให้จระเข้พากันขึ้นมารับละอองน้ำ และไม่ทำร้ายกันอีกแม้อากาศจะร้อนจัดก็ตาม ขณะเดียวกันภาพจระเข้โผล่ขึ้นมารับละอองน้ำยังเป็นผลดีให้นักท่องเที่ยวชมจระเข้ได้ง่ายขึ้่นอีกด้วย

อากาศร้อนยังส่งผลให้ฝูงลิงแสมกว่า 3,500 ตัว ในวัดเขาเจดีย์ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่อาศัยอยู่บริเวณภูเขาหิน เริ่มขาดแคลนแหล่งอาหารตามธรรมชาติ หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งมานานหลายเดือน ผู้ดูแลวัดบอกว่า ขณะนี้แหล่งอาหารของลิงเริ่มหมดลง คาดว่า ต่อไปคงไม่เพียงพอกับลิงจำนวนมากอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังพบว่า ลิงบางตัวกำลังเจ็บป่วย ทุกวันนี้ จึงต้องรอคอยผู้ใจบุญหรือนักท่องเที่ยวให้นำอาหารมาให้ลิงเท่านั้น

ส่วนที่บ้านสลักเพชรตำบลเกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด บ่อน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาให้ชาวบ้าน ไม่สามารถน้ำมาผลิตน้ำประปาได้ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง จึงต้องใช้รถสูบน้ำจากแหล่งน้ำที่พอมีอยู่มาใส่ถังน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาใช้เป็นการชั่วคราว ส่วนชาวบ้านที่อยู่นอกเขตประปาหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนก็เร่งขุดบ่อน้ำเพื่อนำน้ำมาใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งอาศัยภูมิปัญญาดั้งเดิม โดยการนำชามมาคว่ำบนพื้นดินหลายๆจุดเพื่อหาหยดน้ำที่ระเหยจากใต้ดิน จุดใดมีน้ำระเหยจากใต้ดินมากที่สุดจึงลงมือขุดบ่อ ซึ่งต้องขุดลึกลงไปประมาณ 5-6 เมตรจึงจะพบน้ำ วันนี้ชาวบ้านช่วยกันขุดบ่อน้ำไปแล้วกว่า 10 บ่อ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ในช่วงหน้าแล้งนี้ได้

ส่วนการปรับตัวของเกษตรกร หลายคนสามารถพลิกวิกฤตภัยแล้งให้เป็นโอกาสได้ อย่างเช่น นายบุญมี หมายเงิน ชาวนาในตำบลไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง เร่งปรับพื้นนาเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวโพดตัดฝักแทนการปลูกข้าวหลังจากชลประทานหยุดการส่งน้ำ นายบุญมีเล่าว่า ปกติทำนาอยู่ 20 ไร่ เมื่อเกิดภัยแล้งจึงทยอยปรับเปลี่ยนผืนนาทีละไม่มาก เพื่อปลูกข้าวโพดส่งขายแทน ซึ่งใช้น้ำน้อยกว่าและมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็วกว่าการปลูกข้าว โดยข้าวโพดเหลืองขายได้ตันละ 7,000 บาท ข้าวโพดข้าวขายได้ตันละ 11,000 บาท ซึ่งปลูกเพียงแค่ 70 วันเท่านั้นก็เก็บขายได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง