จากกรณี ผู้ขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ถูกลูกค้าสั่งซื้อสินค้าโดยถ่ายรูปสลิปโอนเงินปลอมเพื่อตบตาเจ้าของร้าน แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี
วันนี้ (31 มี.ค. 2559) นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหาร
ยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพพัฒนากลวิธีหลอกลวงการโอนเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น จากเดิมที่ใช้สลิปการโอนเงินปลอม ซึ่งแท้จริงมีมานานตั้งแต่มีตู้เอทีเอ็ม รวมทั้งเอสเอ็มเอส (SMS) โอนเงินปลอมทางโทรศัพท์ แต่ระยะหลังพบว่ามีการทำสลิปโอนเงินทางสมาร์ทโฟนปลอมโดยการแก้ไขตัดแต่งรูปภาพ ผ่านระบบออนไลน์ทางโทรศัพท์มือถือหรือโมบายแบงค์กิ้ง
นายอาจ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนวิธีการตรวจสอบว่าเป็นการหลอกหลวงของมิจฉาชีพหรือไม่นั้น แม้จะใช้โมบายแบงค์กิ้ง แต่ต้องตรวจสอบการทำรายการของธนาคารผ่านสมุดบัญชีในช่วงเวลาที่มีการโอนเงินเข้าร่วมด้วย เช่น ตรวจสอบรายการย้อนหลังช่วงเวลาที่มีการโอนเงินเข้า ว่ามาจากบัญชีไหน และช่องทางใด
“อีกวิธีสามารถตรวจสอบได้คือจากเว็บไซต์ของทางธนาคาร โดยเข้าไปที่หน้าเพจการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งจะให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของผู้โอนว่า เลขที่รายการอะไร จำนวนเงิน เมื่อคลิกเข้าไปก็จะแสดงรายละเอียดผู้ใช้บริการ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับสลิปที่ได้มาว่าตรงกันหรือไม่” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารกสิกรไทย ระบุ
นายอาจกล่าวว่า ส่วนวิธีสุดท้ายคือการพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่า การแจ้งเตือนข้อความ SMS จากทางธนาคาร เป็นหมายเลขที่มาจากธนาคารจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีผู้นิยมใช้โมบายแบงค์กิ้งพลัส 2-3 ล้านคน จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ช่องทางนี้ และสลิปการโอนเงินปลอมหลอกลวงให้เกิดความเสียหาย