นายกฯ แจงการเชิญตัวมาปรับทัศนคติ-ยืนยัน คสช.ต้องตักเตือนหลังเจตนาไม่บริสุทธิ์

การเมือง
1 เม.ย. 59
21:15
283
Logo Thai PBS
นายกฯ แจงการเชิญตัวมาปรับทัศนคติ-ยืนยัน คสช.ต้องตักเตือนหลังเจตนาไม่บริสุทธิ์
นายกรัฐมนตรีชี้แจงการเชิญตัวมาปรับทัศนคติเป็นเรื่องของกฎหมาย ยืนยัน คสช.มีความจำเป็นต้องตักเตือน เนื่องจากหลายคนถูกเรียกมาหลายครั้งแต่ยังไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ เผย ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริตปี 2556-2558 เสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท

วันนี้ (1 เม.ย.2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันมหามงคลของปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 61 พรรษา รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระองค์ พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลตาม “โครงการปณิธานความดีปีมหามงคล ทำดี เริ่มได้ ที่ใจเรา” ที่ผมเคยกล่าวมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งในปีนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 70 ปี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และในปีถัดไป ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา เพื่อถวายเป็นของขวัญและแสดงถึงพลังแห่งความรัก และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พสกนิกรไทยจากทั่วทุกภูมิภาค ถวายแด่ทุกพระพระองค์

นายกฯ แนะข้าราชการยึดหลัก 6 ประการในการทำงาน
วันที่ 1 เมษายนของทุกปี เป็น “วันข้าราชการพลเรือน” เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจ อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประเภทไหน ระดับใด ก็ย่อมมี ความสำคัญต่อการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนทุกคนกินอิ่ม นอนหลับ สุขภาพดี มีความสุข มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และข้าราชการต้องทำทุกวัน ตราบใดที่ยังคงอยู่ในราชการ ที่สำคัญข้าราชการทุกแขนง ล้วนทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ ในกิจการของพระราชา หรือลดภาระของพระเจ้าแผ่นดินนะครับ ดังนั้น ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ในคำว่า “ข้าราชการ” นี้ ที่มีทั้งอำนาจ บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ข้าราชการต้องมีจิตสำนึกที่ดี ประพฤติดี อย่างที่เราเรียกว่า “ธรรมาภิบาล” ซึ่งประกอบด้วยหลัก 6 ประการ ก็อยากจะทบทวน ได้แก่ หลักคุณธรรม, หลักนิติธรรม, หลักความโปร่งใส, หลักความมีส่วนร่วม, หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันได้ยึดถือและนำมาประยุกต์ใช้ เป็นหลักการทำงานร่วมกันในสังคม ที่สำคัญคือคำว่า “ประชารัฐ” นอกจากจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนแล้ว ในการรักษาความสมดุล ระหว่างหลักการทั้ง 6 ประการ ในทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก็จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ติดกับดัก หรือพบทางตัน

ในการนี้ ขอให้ข้าราชการทุกคนได้อัญเชิญยุทธศาสตร์พัฒนา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ “หลักการทรงงาน 23 ประการ” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการทำงาน และขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกท่าน จงมีความเพียรอันบริสุทธิ์ เอาชนะอุปสรรคในการทำงานได้ด้วยปัญญา เพื่อจะช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนชาวไทย ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

"พล.อ.ประยุทธ์" แสดงความเสียใจ-ประณามเหตุก่อการร้ายเมืองลาฮอร์ ปากีสถาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไทย และผู้นำประเทศ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับเหตุการณ์ก่อการร้าย ณ เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ เหยื่อแห่งความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม เป็นเด็กและผู้หญิง ในขณะที่กำลังมีความสุขในเทศกาลทางศาสนา โดยผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกพันธมิตรในโลกนี้ เพื่อต่อต้านและเอาชนะเครือข่ายการก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้จงได้ สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง หรือเป้าหมายของการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ทุกส่วนราชการ รวมทั้งภาคเอกชน บริษัทห้างร้าน เจ้าของสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว เวรยามต่างๆ รปภ.ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการการรักษาความปลอดภัย ทั้งบุคคลแปลกหน้าและสถานที่มีการชุมนุมกันของคนหมู่มาก อาทิเช่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์เหล่านี้ด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะร่วมมือกันสร้างความปลอดภัยของสังคมและประเทศชาติ โดยให้ความสนใจสิ่งรอบข้าง อย่าสนใจแต่ตัวเอง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงโดยทันทีด้วย

นายกฯ เผย ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทุจริตปี 56-58 เสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน นับเป็น “สนิมเนื้อใน” กัดกร่อนสังคมและเศรษฐกิจไทย มาเป็นระยะเวลายาวนาน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556-2558 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริตและการร่ำรวยผิดปกติไปแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 500,000 ล้านบาท จาก 193 คดี แม้ว่าผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทยนั้น โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าสถานการณ์คอร์รัปชันไทยและผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันโลก ปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้จัดลำดับประเทศไทยมีความโปร่งใส ขยับขึ้นจากเดิม 9 อันดับ โดยเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 76 ของโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” ไปแล้ว ได้ถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาของรัฐบาล แต่ยังคงต้องทำงานหนัก ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นธรรม ไม่ 2 มาตรฐาน ทั้งการขับเคลื่อนด้วยการปฏิรูปและมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน อาทิเช่น ในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา
(1) การตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.)
(2) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)
(3) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียนหรือมีข้อมูลว่ามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามกระบวนการยุติธรรม
(4) การออก พ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558
(5) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ G-NEWS
(6) การเปิดให้มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อเพิ่มช่องการการร้องเรียน แจ้งเบาะแส และเข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิดขึ้น
(7) กำหนดให้มีการทำสัญญาคุณธรรม (IP) ในสัญญาว่าจะไม่มีการรับหรือให้สินบน และใช้ระบบ CoSTเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน มีโอกาสเข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ลดช่องทางการหาประโยชน์จากผู้มีอำนาจ หรือผู้แอบอ้าง และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล อีกทั้งให้มีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง สร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนอีกด้วย
(8) การแก้ปัญหาคอร์รัปชันที่ยั่งยืนนั้น จำเป็นต้อง “สร้างจิตสำนึก” ในการต่อต้านทุจริตในทุกรูปแบบ คนให้ก็ต้องผิด คนรับก็ต้องผิด ละเลย-เพิกเฉยก็ไม่ได้ ช่วยกันกำจัดคนเหล่านี้ออกไป โดยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย จะต้องช่วยกันเป็นกระบอกเสียงในการเฝ้าระวังให้กับสังคม เป็นตาสับประรดเสริมเจ้าหน้าที่รัฐ
(9) รัฐบาลหวังว่าการใช้หลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโรงเรียนทั่วประเทศ และการรณรงค์ “สำนึกไทยไม่โกง” ผ่านภาพยนตร์สั้น 4 เรื่อง ได้แก่ (1) คนโกงเราต้องแฉ เรื่องโกงเราต้องแชร์ (2) คนอย่างนี้ก็มีด้วย (3) ทริปห้องกรง และ (4) กรรมติดจรวด
อันนี้ก็เป็นผลงานของคณะ คตช.ที่จะช่วยกันตอกย้ำและปลูกฝังสำนึกรักความซื่อสัตย์ ให้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของเยาวชนไทย จะได้พูดคุยกับพ่อแม่ให้ร่วมมือกันด้วย ก็จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บ้าน เมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนทั้งหมด การจะว่าใครผิด ใครถูก หรือทุจริต หรือไม่ทุจริต จำเป็นต้องยึดหลักฐาน ยึดกฎหมาย เป็นหลักในการพิจารณา และกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่จากคำบอกเล่า เสียงเล่าลือ คำบอก หรือโซเชียลที่กล่าวอ้างกันมากมาย ขอให้เข้าใจด้วยว่าระบบการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการที่ทำให้สังคมเป็นสุขนั้นต้องใช้กฎหมาย ให้เป็นธรรม ให้ชอบธรรม

รัฐบาลเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สอดประสานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในการสร้างความเข้มแข็งทั้งทางด้านทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย กลไกประชารัฐ รัฐบาลก็พยายามจะส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงในเรื่องของ “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทุกอย่างนั้นจำเป็นต้องขับเคลื่อน ประสานสอดคล้องกัน ไม่ว่าใหญ่ กลาง เล็ก ในประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน ประชาคมโลกอื่นๆ ได้ดำเนินการดังนี้ (1) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในประเทศ ที่มุ่งเน้นการระเบิดจากข้างใน เริ่มจากประชาชน เริ่มจากเกษตร ไปเป็นกลุ่ม ไปเป็นสหกรณ์ เช่น วันนี้ การสนับสนุนการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือ “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise) เพื่อผลิตสินค้า หรือให้บริการ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น โดยไม่ได้วาง เป้าหมายเพื่อสร้างกำไรอย่างเดียว แต่ต้องช่วยแก้ปัญหาพัฒนาชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อมของตนด้วย โดยใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรร ตามโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท และกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาทมาเสริมกันไปเราไม่สามารถจะให้อะไรต่างๆ มากมายหลายอย่างได้ ทุกคนก็ต้องสร้างความเข้มแข็งด้วยเงินที่เรามีอยู่ ใช้อย่างพอเพียง

ทั้งนี้ หลายชุมชนนำไปสร้างร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน ลานตากมัน ปั๊มน้ำมัน เครื่อง จักรกล ฯลฯ โดยชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน บริหารจัดการกันเอง ทำให้เกิดกำไรและการหมุนเวียนรายได้ มีการนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการ เกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งนับเป็นพื้นฐานของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลมีแผน ขยายผลไปสู่กระบวนการให้ความรู้และพัฒนาเป็นกิจการเพื่อสังคมในรูปแบบขององค์กรชุมชน Community Social Enterprise และพิจารณาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป

นายกฯ เชิญชวนเอกชนสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนผ่านทางรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ในอนาคตวิสาหกิจเพื่อสังคมในแต่ละพื้นที่จะต้องรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน อย่าแยกกันอยู่ ต้องรวมกันให้ได้ เราจะเข้มแข็งทั้งในเรื่องของการแลกเปลี่ยนความรู้ มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยมีหน่วยงานรัฐคอยให้การสนับสนุน ตามแนวทางประชารัฐ แล้วจะยกระดับกลุ่มวิสาหกิจให้เป็นศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้าน รัฐบาลขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น การลงทุนร่วม บริจาคเงิน ทรัพย์สิน ซึ่งรัฐบาลก็จะพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ ขณะนี้ก็กำลังให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับกลุ่มธุรกิจ ที่ปรึกษา ลงไปพิจารณาดำเนินการ ที่จังหวัดภูเก็ตก่อน ในระยะเวลาอันใกล้นี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 2 คือการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน อาทิเช่น ประชาคมอาเซียน หรือกลุ่ม CLMVT ที่เสริมสร้างความเข้มแข็งร่วมกันในภูมิภาคก่อน จากนั้นเราก็ทำคู่ขนานไปด้วยการเชื่อมโยงออกไปภายนอก เช่น กลุ่ม G77 ในปีนี้ไทยเป็นประธานอยู่ ผมก็ใช้ทุกอย่างขับเคลื่อนทั้งหมด เพื่อจะเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันนะครับ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ประเทศสมาชิก ที่เราจะต้องเข้มแข็งไปพร้อมๆ กัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง – ล้านช้าง ที่จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำในภูมิภาค ภายใต้วิสัยทัศน์ “แม่น้ำสายเดียวกัน มีอนาคตร่วมกัน” หรือ“Shared River, Shared Future” รวมทั้งกรอบความร่วมมือ 5 ด้านได้แก่ด้านอุตสาหกรรม ด้านเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านการเกษตรและด้านสังคม เพื่อลดความยากจน รวมทั้งกรอบความร่วมมืออื่นๆ ที่ไทยเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ที่จะทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือรวมความคิด การรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็ง ภายใต้หลักการสำคัญ “ลดความหวาดระแวง ลดความเหลื่อมล้ำ แบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน จะได้เข้มแข็งไปด้วยกัน ไม่เอาประโยชน์เพียงอย่างเดียว ไม่ทำธุรกิจอย่างเดียวให้ได้กำไรสูงสุด เพราะเพื่อนกันทั้งสิ้น เราจะไม่ทั้งใครไว้ข้างหลัง” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ในส่วนของการเชื่อมโยง “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งภายในและภายนอกประเทศดังกล่าวนั้น จะนำพาการพัฒนาทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของเรา ได้อย่างยั่งยืน เพราะเราจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ต้นทางก็คือผู้ผลิต คือพวกเพาะปลูก หรือว่าวัตถุต้นทุน ขั้นที่ 1 ไปสู่การแปรรูป ขั้นที่ 2 ที่จะให้มีราคาสูงขึ้น และขั้นที่ 3 ปลายทางคือในเรื่องของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ส่วนนะครับถึงจะเรียกว่าเป็นวงจรห่วงโซ่คุณค่า ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย กับมหามิตรต่างๆ ด้วยในการประชุมทุกครั้งที่ต่างประเทศ ผู้นำมักจะมีเวลาที่ค่อนข้างน้อย ผมไปก็ได้มีโอกาสกล่าวถ้อยแถลงในแต่ละวาระการประชุม เนื่องจากมีประเทศที่ไปประชุมหลายประเทศด้วยกัน เวลาเขามีจำกัด กำหนดเวลาให้ประมาณ 3 นาที 5 นาที หรือ 7 นาที อย่างมากไม่เกิน 10 นาที เราก็จำเป็นต้องเตรียมการเราให้พร้อม ก็ต้องร่างเอาไว้ อะไรเอาไว้บ้างนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ได้ให้แนวทางไว้ทั้งหมดแล้ว ผมก็ไปพูดเสริมเติมเอาบ้างถ้ามีโอกาส ส่วนใญ่จะกล่าวถึงหลักการ ความร่วมมือ วิสัยทัศน์ ที่ทุกประเทศ ผู้นำประเทศต้องแสดงออกมา ต้องกล่าวให้ตรงประเด็น นอกนั้น หากมีโอกาส ก็จะเป็นการหารือ ทวิภาคี หรือพูดคุยในโอกาสต่างๆ ที่ทำได้กับผู้นำ อาทิเช่นระหว่างงานเลี้ยง เลี้ยงรับรองอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ก็มีทุกโอกาส ที่คุยได้ก็คุย วันนี้เราก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในระหว่างการประชุม ที่ผ่านมานั้น ก็ใช้วิธีนี้ ก็ได้ผลมากพอสมควร แล้วทุกประเทศก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจกับผมมากขึ้น จากผู้นำของแต่ละประเทศ

นายกฯ ชี้แจงการเชิญตัวมาปรับทัศนคติ-ยืนยัน คสช.จำเป็นต้องตักเตือน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องปรับทัศนคติเป็นเรื่องของกฎหมาย ทุกคนรู้กฎหมายใครจะบอกไม่รู้กฎหมายไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ อะไรก็เขียนไว้ทั้งหมด คนไทยทุกคนต้องรู้กฎหมาย รู้ข้อห้าม แต่หลายคนก็ยังทำ ทั้งนี้ ก็เพื่อมุ่งหมายจะสร้างความขัดแย้งบิดเบือนโจมตีรัฐบาลในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โจมตี คสช. อ้างคำว่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ผมพูดมาหลายครั้งแล้ว คนละเรื่องกัน ถ้ากฎหมายมีไว้แล้ว ท่านฝืนท่านก็ผิดกฎหมาย เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดี ท่านก็บอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมว่าไม่น่าใช่นะ ผมก็ได้อธิบายหลายประเทศไปแล้ว เมื่อวานก็อธิบายกับคณะเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ว่าเหตุผลของเราในเรื่องของการเชิญมาปรับทัศนคตินี่ เราทำอย่างไร ไม่ใช่เป็นอย่างที่เขาไปกล่าวอ้างกัน หรือย่างที่มีการล๊อบบี้ยีสกันต่างๆ ในต่างประเทศ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทุกคนต้องเข้าใจประเทศไทยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เพื่อคนไทย ทำเพี่ออนาคต ทำเพื่อมิตรประเทศด้วย เพราระว่าเราก็มีการค้า การลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว ถ้าเราทำให้ประเทศเราสงบไม่ได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจต่างๆ ก็ไม่เกิดขึ้น วันนี้สิ่งที่ดีขึ้นคือเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบสุข ไม่มีการใช้กำลังต่อต้านกันซึ่งเป็นอันตรายที่สุด ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เราอธิบายได้อยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่เคยไปทำร้ายคนต่างๆ เหล่านั้น ถ้าผิดจริงๆ ตามกฎหมายที่ชัดเจนก็ต้องส่งดำเนินคดี ก็ส่งตำรวจ ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ถ้ายังไม่ชัดเจน เพียงแต่ว่าเข้าใจผิด ก็เรียกมาพูดคุย แต่หลายคนก็พูดหลายครั้งแล้ว เรียกหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ ในการจะวิพากษ์ วิจารณ์ อย่างที่เขากล่าวอ้าง ก็จำเป็นต้องตักเตือนกันบ้างนะ คสช.ไม่ได้หมายความว่าใครพูดไม่ได้เลย

ผมไม่เห็นคนอื่นเขาเดือดร้อนนี่นะ ก็มีเดือดร้อนอยู่ไม่กี่คน คนทั้งประเทศเกือบ 70 ล้าน เขาก็ทำมาหากินอยู่ปกตินะ ก็มีไม่กี่คนที่โวยวาย ร้องอยู่เรื่อย เรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องที่บิดเบือนทั้งหมดนะ อยากให้สังคมแยกแยะหน่อยนะครับ คสช.พยายามไม่เป็นผู้ที่มาชี้ว่าผิดหรือถูกอยู่แล้ว หรือใช้กฎหมายใหม่มาดำเนินการทั้งสิ้น อะไรที่จำเป็นเราก็จำเป็น ที่จะต้องมีกฎหมายที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย นอกนั้นก็เป็นกฎหมายปกติ หลายคนที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ ละเมิดทั้งกฎหมายพิเศษ กฎหมายปกติ หรือทุกอย่าง กฎหมายสังคม ละเมิดทุกอย่าง ผมถามว่าแล้วท่านจะเอายังไง คนที่ชอบฝ่าฝืนก็ฝ่าฝืนเหมือนเดิม กฎหมายพิเศษก็ไม่ยอม คำสั่งพิเศษก็ไม่ยอมอีก

"พล.อ.ประยุทธ์" เรียกร้องประชาชนไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
คนเหล่านี้ ถ้าหากว่าเข้ามาสู่ในการเมือง ก็ทำให้การเมืองเราเสียหายอีกต่อไป วันนี้ก็อยากให้ทุกคนได้ยึดมั่นใน รัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะออกมา ให้ทำประชามติ บทเฉพาะกาล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ออกมา ผมก็จบหน้าที่ของผมในขณะนี้ ท่านก็ไปลงประชามติกัน ท่านต้องการอะไรก็ว่ามา เพียงพอหรือไม่ ผมไม่สมารถจะไปสั่งได้ว่าผ่าน หรือไม่ผ่าน เป็นเรื่องของท่านเอง แต่ผมมีความรับผิดชอบว่าผมต้องทำอะไรให้ บ้านเมืองเรียบร้อย ผมไม่ปล่อยให้ใครทำตามอำเภอใจอยู่แล้ว วันนี้ที่อดทนอยู่ทุกวันนี้ก็คือว่าไม่อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เดือดร้อน อยากให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเอาเอง แล้วก็ไปลงประชามติให้มากที่สุด ผมกะเกณฑ์ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ท่าน 2 ปีที่ผ่านมานั้น หลายอย่างมา เราได้ให้โอกาสในการที่จะทำความเข้าใจ โอกาสในการที่จะสำนึก แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นมา ยังเหมือนเดิม ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่อต้านกฎหมาย หลบหนี บิดเบือนล็อบบี้ ต่างๆ เหล่านี้ไม่เคยยุติทั้งสิ้น ผมถามว่าคนเหล่านี้ หากเข้ามาสู่ในวงการเมือง ในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ประชาชนถามเขาดูด้วยนะว่าคนเหล่านี้ เขาจะทำอะไรต่อไป ในสิ่งที่ผมพูดมาแล้ว ผมทำมาตลอดนี่ แต่เขาไม่เคยทำ หรือเขาทำผิดๆ มา วันนี้ถามเขาด้วย ว่าที่เสียหาย เขาจะทำยังไง เขาจะรับผิดชอบตอนไหน เมื่อเขากลับมาคราวหน้า ใครกลับมาแล้วแต่ ใครมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน กรุณารับผิดชอบด้วยในทางกฎหมาย

รัฐบาลเผยให้ความสนใจเรื่องน้ำมากกว่าการเมือง-เล็งรณรงค์ให้คนไทยรู้คุณค่าของน้ำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญที่สุดวันนี้น่าสนใจมากกว่าที่จะไปเสียอารมณ์กับเรื่องการเมืองคือเรื่องน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วันนี้เป็นปัญหามากที่สุดเลย แล้วหลายๆ คนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม่รัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่ได้หรือ หาน้ำมาให้ไม่ได้หรือ ก็ไม่มีต้นทุนน้ำไงนะ ต้นทุนน้ำก็หายไป ฝนตกน้อยลง ฝนตกใต้เขื่อน ฝนตกน้อย ฤดูฝนสั้น ระบบการกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ ระบบการระบายน้ำเวลาน้ำท่วมก็ไม่เพียงพออีก ระบบการส่งน้ำที่จะไปให้ตรงกับพื้นที่การเกษตร ก็ไม่มีอีก ไม่ครบ อยู่คนละทีๆ ไปหมด

วันนี้เรากำลังปรับทุกอย่าง ด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ แล้วเดี๋ยวผมจะสรุปให้ดูว่า ก่อนฤดูฝนหน้าเราจะมีอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง แต่ยังยืนยันอยู่ว่าอย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา คือหลายๆ ปีที่ผ่านมา คือเราใช้เวลาอันจำกัด เราทำอยู่ในเวลานี้ที่จะต้องสร้างระบบให้ได้ สร้างพื้นที่ให้ได้ สร้างการปลูกพืชให้ได้ ที่ตรงกับความต้องการน้ำแล้วก็ความต้องการของแต่ละภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระบบนิเวศเหล่านี้ จะต้องมีการประเมิน มีข้อมูลที่ถูกต้อง จะได้เป็นตัวเลขในการบริหารจัดการ ไม่ใช่ว่าจะต้องบริหารจัดการน้ำสำหรับการเกษตรอย่างเดียวแล้วอย่างอื่นเดือดร้อนทำยังไง เพราะทุกอย่างก็คือกลไกของประเทศทั้งสิ้นนะครับ ในการจะขับเคลื่อนในการที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ มีห่วงโซ่คุณค่า ที่จะเป็นมูลค่าเพิ่มเติมกันไป แล้วก็ไปนำสู่การพัฒนาประเทศด้วย วันนี้ผมได้พบปะกับเพื่อนๆ เรา หลายประเทศ เขาก็ได้มีการพูดคุยหารือกัน สิ่งสำคัญที่ผมจับมาได้วันนี้ก็ตรงกันกับที่เราคิดไว้ คือว่าเราต้องทำให้คนไทยทุกคนรู้คุณค่าของน้ำมากกว่าเดิมว่าน้ำทุกหยดที่เรามีอยู่นั้น มีคุณค่ามหาศาล อย่าทิ้งแม้แต่หยดเดียว บางคนก็ทิ้งเป็นขันๆ ทิ้งเป็นตุ่มๆ อะไรทำนองนี้นะ อาบน้ำกัน มันเหลือเฟือนะ ปลูกพืชกัน ก็ใช้น้ำจนล้น จนเกินความจำเป็น ทำให้น้ำเราลดลง วันหน้าก็ลดลงอีก เพราะงั้นเราต้องเตรียมการในเรื่องของการจัดทำโครงการรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้ว เราน่าจะต้องเริ่มต้นในปีนี้ให้ได้สามารถจะมีการรีไซเคิลน้ำให้ได้ ประมาณ 20-30% ในทุกกิจการนะครับวันนี้ทางฝ่ายอุตสาหกรรมของเราก็ทำอยู่ โรงงานอุตสาหกรรมก็ทำอยู่ เพื่อจะเอาน้ำที่ปรับปรุงแล้วนะครับออกมาใช้งานในด้านอื่นๆ ให้ได้ อย่างน้อยก็ทุเลา หรือบรรเทาความขาดแคลนน้ำไปได้บ้าง แต่ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธิ์แล้ว ทำให้สะอาดแล้ว

นายกฯ แนะทุกหน่วยงานศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศที่ขาดแคลนน้ำ
อยากให้ทุกหน่วยได้ศึกษาจากต่างประเทศด้วยนะ หลายประเทศที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เฉพาะประเทศที่ขาดแคลนน้ำ พื้นที่ทะเลทราย เหล่านี้ เราก็ไปดูงานเขามาไม่รู้กี่รอบแล้ว ผมยังไม่เคยไปด้วยซ้ำไป แต่คิดว่าเป็นประโยชน์ ผมก็อ่านหนังสือที่เขาเขียน ดูรูปที่เขาทำแล้วก็เอามาสั่งการ ให้ทุกกระทรวง ให้ ครม.ไปพิจารณาร่วมกันว่าจะทำยังไงกันดี เราต้องอาศัย บทเรียนจากประเทศอื่นเข้าด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างสรรค์ความร่วมมือร่วมใจ วันนี้มีสิ่งที่น่ายินดี เราได้ส่งทีมงานฝนหลวงไปให้คำแนะนำที่ประเทศจอร์แดน ก็ให้รัฐมนตรีฉัตรชัย กระทรวงเกษตร เพราะว่าเป็นสัญญาที่เราทำมาร่วมกัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับกับกษัตริย์จอร์แดน มาตั้งแต่ปี 2552 เขาก็รออยู่เมื่อไรเราจะไป วันนี้ผมก็นำสิ่งเหล่านี้ไปแพร่หลายให้ทุกคนได้เห็นถึงพระปรีชาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ไปทดลองทำอะไรต่างๆ แล้ว ก็ต้องบอกเขาว่า ก็ทำได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในช่วงที่มีความชื้น ในช่วงที่มีเมฆหมอก ไม่ใช่ว่าฝนจะมาได้เมื่อเราไปทำฝนเทียมทุกที่ ทุกเวลา พระบาทสมเด็จพระเจาอยู่หัวท่านทรงรับสั่งแล้วว่าไปในห้อวงระยะเวลาที่มีไอน้ำ มีเมฆ เพียงพอในการที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเราก็ต้องไปเลือกพื้นที่ในการทำ ฝนเทียม เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกันว่าทำฝนเทียมแล้วทำไมฝนไม่ตก ทั้งนี้ขึ้นกับความชื้นในอากาศด้วย

ผมจึงต้องย้อนกลับมาสู่ว่าเราจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมกันได้อย่างไร การรักษาป่า การรักษาป่าต้นน้ำ การทำฝาย ขนาดเล็กอะไรเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะต้อง เร่งคิดจะทำกัน เรื่องกระบวนการรีไซเคิลต่างๆ เหล่านี้ เครื่องจักร เครื่องไม้เครื่องมีเรามีหรือยัง ไปดูงานต่างประเทศ ประเทศใกล้ๆ เรานี่แหละ อันดับ 1 ในอาเซียน ที่เศรษฐกิจดี ผมไม่เอ่ยชื่อ เขาทำแล้ว 50 ปีที่ผ่านมา เขาทำเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เมื่อวานเขารายงานผม เมื่อวันก่อน บอกว่าเริ่มเป็นผลสัมฤทธิ์แล้ว น้ำที่เก็บไว้จืด แล้วก็สามารถใช้ดื่มใช้กินได้แล้วในบางพื้นที่ เราไม่เคยคิดอนาคตแบบนี้ไว้เลย เราก็แก้กันไปเป็นปีๆ ไป แล้ววันหน้าถ้าแก้ไม่ได้ จะทำยังไง อีก 50 ปีข้างหน้าถึงจะมีน้ำใช้ใหม่หรือ แล้ว 50 ปีนี้ถ้าไม่มีน้ำจะทำยังไง คิดกันบ้างหรือเปล่า เพราะงั้น รัฐบาลนี้คิดแบบนี้อยู่ อย่าไปสนับสนุนให้ทุกคนคิดแต่เพียงว่า รัฐบาลต้องหาน้ำให้ได้ หรือรัฐบาลต้องอุดหนุน เวลาที่เสียหายอย่างเดียวโดยไม่สร้างความเข้มแข็ง เหล่านี้ผิดทั้งหมด เพราะงั้นวันนี้ผมได้มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ แล้วก็ สวทช.ไปวิจัยและพัฒนาด้วย หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมพิจาณาให้ได้ผลสัมฤทธิ์ อย่างรวดเร็ว ดูตัวอย่างประเทศใกล้ๆ สิงคโปร์ – อิสราเอล หลายประเทศ เขาทำอย่างไร เราต้องเตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ผมเห็นอดีตนักการเมือง อดีตรัฐบาลไปดูงานไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยครั้งแล้ว ผมไม่เห็นได้อะไรกลับมาสักอย่าง ไม่เห็นเคยเห็นสิ่งที่ไปดูมาเลย แล้วมาทำเลย ไม่รู้ไปดูอะไรมา ผมยังไม่เคยไปด้วยซ้ำ แต่ผมอ่านหนังสือเอา

"พล.อ.ประยุทธ์" พอใจประชาชนให้ความสนใจ “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในเรื่องของ “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ห้วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปจำนวนมาก เป็นเรื่องของพลังงาน แล้วก็งานวิจัยพัฒนา หลายเรื่องน่าสนใจ ถ้าทุกคนสนใจบ้างนี่ ฟังผมบ้าง ไปดูเอาเองบ้าง จะเห็นด้วยตาว่าหลายอย่างนี่เราทำเองได้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบ้านเราอาทิเช่น การประหยัดพลังงาน การใช้หลอดไฟที่ไม่ต้องมีสายไฟ ใช้ความร้อนจากตัวคนทำให้หลอดไฟสว่าง เห็นไหมล่ะ เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์นะ เราทำได้แล้ว หลอดละ 200 กว่าบาท ผมไม่ทราบว่าใครไปซื้อบ้างหรือยัง ผมก็มีอยู่หลอดหนึ่ง จับปั๊บแล้วสว่างเลยนี่ แล้วเรื่องของการใช้พลังงานที่เป็น ใช้เครื่องระบายอากาศแบบหมุน ง่ายๆ สังกะสี ที่อยู่ตามโรงงาน อันนี้เขาก็ได้ดัดแปลงมาสู่ในเรื่องของการ หมุนไปเปล่าๆ ระบายลมเฉยๆ ในขณะนั้นก็ชาร์ตไฟไปด้วย เจ็นเนอเรเตอร์ไปด้วยนะ ก็เก็บใส่แบ็ตฯ ไฟก็สว่างอยู่ เอาไปติดครับ อันละ 10,000 กว่าบาท ติดในโรงรถก็ได้ ติดตรงไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเดินสายไฟนะ ก็ใช้พลังลม ใช้แบตเตอรี่

วันหน้าก็ต้องเร่งรัดในเรื่องของการเตรียมการเรื่องรถไฟฟ้า วันนี้ผมเดินไปข้างหน้าแล้ว ได้สั่งการไปแล้วให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ไปดูเรื่องพลังงานจากไฮโดรเจน ที่จะดึงเอามาจากน้ำ มาเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วก็ไปสู่แบตเตอรี แล้วใช้ในการขับเคลื่อนอะไรสักอย่างที่ทำได้ เด็กๆ เขาก็ทำแล้ว ผม เห็นสอนเด็กมาตั้งนายแล้วเรื่องพลังงานไฮโดรเจน เมื่อไรจะเกิดสักที ถ้าเราไม่เอาจริงเอาจังเรื่องเหล่านี้ไม่เกิดหรอกครับ เด็กก็ทำไปเรื่อยๆ วันนี้ก็เหมือนเดิม 5 ปีที่แล้วทำอะไรได้ 5 ปีใหม่ก็เหมือนเดิม เพราะเรียนรู้มาจากรุ่นเก่าไง แต่ไม่เคยคิดอะไรใหม่ๆ ว่าเออ ต่อยอดได้แล้วมั้ง เล็กๆ นี่ ทำให้ใหญ่ได้ไหม ต่อไปจากนี่แค่เป็นรถเด็กเล่น ทำเป็นรถที่มันใช้ประโยชน์ได้บ้างไหม นี่เขาเรียกว่าพัฒนา เขาเรียกว่าสร้างนวัตกรรม ไม่ใช่สอนในหนังสืออย่างเดียวว่าพลังงานไฮโดรเจน เอามาทำประโยชน์ได้อย่างนี้ แล้วก็มีรถขับเคลื่อน ด้วยมอเตอร์ นี่สอนหนังสือมาแบบนี้ แล้วจะไปเกิดรถไฮโดรเจนได้เมื่อไร จะไปดวงจันทร์กับเขาได้เมื่อไร ไม่มีไปได้หรอก ก็วิ่งกันอยู่บนโต๊ะ ในหนังสือนี่แหละ ในตำราเท่านั้นแหละ เพราะงั้นผมอยากให้กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพนะครับ ในการที่จะบูรณาการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ สวทช. เพราะเป็นเรื่องของการสร้างแนวความคิด ในส่วนของการจัดงานในห้วงที่ผ่านมา มีเงินทุนหมุนเวียนในงานกว่า 24 ล้านบาท

ในเดือนมีนาคมในช่วงเดือนเมษายนนี้ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพ คือเป็นผู้รับผิดชอบในการ จัดงานโดยการบูรณาการงานเข้ามาในพื้นที่ตลาดคลองผดุงฯ จะใช้ภายใต้แนวคิด “การศึกษาสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงฯ สร้างสุข” ก็จะแบ่งงานออกเป็น 3 ช่วงนะครับ ช่วงแรกวันที่ 1-11 เมษายน เป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซึ่งผลิตและจัดทำโดย นักเรียน นักศึกษาและประชาชนในราคาย่อมเยา วันก่อนเขาเอามาให้ผมดูแล้ว ไม่แพงนะ แต่ละชิ้น แต่ละอย่าง ผมก็แนะนำไปว่าจะต้องสร้างรูปแบบใหม่ให้แตกต่างบ้าง เห็นหลายอย่างทำมาหลายปีแล้ว ควรต้องเปลี่ยนแล้ว บางอย่างก็ใช้เกี่ยวกับเรื่องของงานสงกรานต์ บางอย่างก็ใช้ปีใหม่ แล้วทำไมเราไม่เอาแนวความคิดนี้ให้ใช้ได้ตลอดไปล่ะ ปีใหม่ก็คือปีใหม่ สงกรานต์คือสงกรานต์ แต่นอกจากนั้นท่านก็เอาสิ่งที่ท่านทำใน 2 วาระมาทำเป็นสินค้าที่จะขายนักท่องเที่ยว แต่เปลี่ยนรูปแบบให้เล็กลง ใช้วัสดุอย่างอื่นมาเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนรูปแบบอะไรต่างๆ เหล่านี้ ดีไซน์น่ะครับ ผมก็พอรู้เรื่องเหมือนกัน ผมดูรูปเยอะไง ดูหนังสือต่างประเทศบ้าง อะไรบ้างก็จะเกิดแนวความคิด อย่าไปคิดเอง คิดเองแล้วบางทีก็เสียเวลา คิดเองรู้ได้อย่าไรว่าใครเขาชอบ ก็ไปดูซิครับ ว่าเขาชอบกันแบบไหนในวันนี้ โลกวันนี้ชอบแบบไหน กระเป๋าผู้หญิงเขาชอบกันยังไง กระเป๋าเอกสารชอบยังไง เครื่องแต่งกายเป็นแบบไหน เราก็เอาแบบของเรา 1 อัตลักษณ์เราใส่เข้าไป อย่างที่ผมใส่เสื้อแบบนี้ ต่างประเทศอาจจะขายได้น้อย เพราะว่าไม่ใช่แบบของเขา ทำไมเราไม่เอาผ้าแบบนี้ ออกแบบให้เป็นเขาเรียกอะไรล่ะ เป็นโมเดิร์น เป็นสากล เหมือนกับที่หลายๆ แบรนด์เนม เขาคิดออกมาน่ะ เราก็อย่าไปเรียนแบบเขาแล้วกัน เอาวัสดุเราไปทำ บางอย่างเขาใช้ผ้า บางอย่างเขาใช้หญ้าลิเภา บางอย่างเขาใช้หญ้าแฝก บางอย่างเขาใช้ไม้ไผ่ มีตั้งเยอะแยะไป แล้วก็เอารูปแบบลายดอกไม้ ใส่เข้าไป ประกอบกับส่วนที่เป็นแผ่นใยพลาสติก ต่างๆ ก็แข็งแรง แล้วรูปร่างก็เป็นสากล แต่วัสดุเป็นของเรา

อีกส่วนหนึ่งก็ทำแบบที่เป็นโบราณกาลมา เป็นโบราณนะ เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น พื้นที่ อันนี้ก็ขายในลักษณะที่เป็นเชิงอนุรักษ์ ก็ขายได้ทั้งปีซิ ไม่งั้นก็ขายอยู่ตามวาระ 2-3 วาระเท่านั้นเองที่เหลือก็ว่างงาน ไปทำอะไรล่ะ รับจ้าง หรือไม่ก็ตีไก่ ตกปลา อะไรไปเรื่อยนะ เอาเวลามาทำพวกนี้ดีกว่านะ หรือไมก็ดื่มสุรา ไม่เกิดประโยชน์ ช่วยกันนะครับ อะไรความสุข ก็คือความสุข ความสุขต้อง ถ้าทำอะไรที่มีความสุขผมไม่ไปห้ามท่าน แต่อย่าผิดกฎหมายหนึ่ง สองความสุขวันนี้อย่าให้เกิดความทุกข์ในวันหน้า ก็มีแค่นี้ ผมไม่สามารถบังคับใครได้อยู่แล้ว ชีวิตเป็นของทุกคน ถ้าไม่รักตัวเองก็ช่วยไม่ได้ จะขับรถเร็ว จะขี่รถกินเหล้าเมาสุรา ไม่มีกฎหมายไหนช่วยท่านไม่ตายได้ ถ้าท่านอยากตายของท่านเองท่านก็ฝืนเข้าไปซิกฎหมายน่ะ ผมก็รับผิดชอบให้ไม่ได้เหมือนกัน ผมมีหน้าทีในการดูแลให้ปลอดภัยเท่านั้นนะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเทศกาลวันที่ 12 - 15 เทศกาลสงกรานต์ จะมีการสรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโส แล้วก็ร้องเพลงฉ่อย อะไรก็แล้วแต่ลอยลำในคลองผดุงกรุงเกษมด้วย มี การประกวดร้องเพลงผู้สูงอายุ ประกวดเทพีสงกรานต์ ช่วงที่สุดท้าย วันที่ 16-24 จัดงาน “Back to School” จัดจำหน่ายชุดนักเรียนระดับอนุบาล – ระดับมัธยมศึกษา อุปกรณ์การศึกษา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในราคาที่ย่อมเยา นอกจากนั้น มีการจัดบู้ธจำหน่ายสินค้าตามโครงการพระราชดำริ สินค้าจาก อ.ต.ก.ที่มีคุณภาพดีราคาย่อมเยา ร้านค้าสวัสดิการเพื่อประประชาชน และสินค้าประชารัฐด้วยนะครับ มีหลายอย่างที่มีการปรับปรุงเป็นนวัตกรรม วันนี้ เราทำโอทอป มาในระยะที่ 2 แล้วนะครับ ก็คือมาตรฐานสูงขึ้น จากเดิมพื้นฐานผ่านมา ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นที่ 1 ตอนนี้เป็นขั้นที่ 2 เดี๋ยวอีกระยะหนึ่งผมก็จะดันเป็นขั้นที่ 3 คือส่งออกต่างประเทศให้ได้ แล้วก็ติดตลาดให้ได้นะครับ

วันนี้ก็หลายอย่างดีขึ้น ขึ้นขายบนเครื่องบินได้แล้วในขณะนี้ อยากให้ทุกคนได้มาศึกษาเรียนรู้ ในตลาดคลองผดุงกรุงเกษม มีการบริการต่างๆ มากมายเพื่อประชาชน ทั้งในเรื่องการซ่อมสร้างเพื่อชุมชน การนวดแพทย์แผนไทย บริการตัดผม และกิจกรรมสาระบันเทิงอื่นๆ ขอให้แต่งกายให้เรียบร้อยนะ สาระบันเทิงนะ มีเรื่องมาแล้ว ในเรื่องของการแสดงดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน ของนักเรียน นักศึกษา อย่าลืมนึกถึงเด็กๆ เขาบ้าง อย่าให้เขาเห็นในสิ่งที่ไม่ใช่เวลานะ เขาแยกแยะไม่ออก เพราะงั้นขอให้ดูแลเยาวชนให้ดี ผู้ใหญ่ก็ต้องดูแลเด็ก อย่ามุ่งหวังแต่ธุรกิจ หรือเงินทองอย่างเดียว แต่สังคมเสื่อมโทรมจะทำยังไง ทั้งผู้ชายผู้หญิง ต้องถูกลงโทษทั้งหมด กฎหมายมีอยู่แล้ว อย่าหากินแบบนี้อีกเลย ไปหากินอย่างอื่น แต่งตัวให้เรียบร้อย จะขายรถ ขายมอเตอร์ไซค์ จะขายเครื่องเสียง แต่งตัวให้ดีกว่านั้นไม่ได้หรือ ทำไมจะต้องโป้ด้วย ผมไม่เข้าใจ ถ้าอยากจะทำอย่างนั้นก็อยู่ที่บ้าน จะใส่อะไรก็ได้เชิญเถิด

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการแสดงผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ของนักเรียนและนักศึกษาด้วย ฝากให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเที่ยวชม ซื้อหาสินค้าราคาถูก ถ้าไม่ถูกก็อย่าซื้อ ซื้อที่ถูกๆ มีเงิน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย อยากได้ไปทั้งหมด ไม่มีสตางค์ ก็ต้องไปกู้ยืมเขามาอีกนะ เราต้องใช้เงินทองที่มีอยู่อย่างมีภูมิคุ้มกันนะ คือมีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่ใช่มีมากก็ใช้น้อย มีน้อยก็อยากจะใช้มาก ก็ไปหมดน่ะ เป็นหนี้เป็นสินทุกวันอยู่แบบนี้นะ มีรัฐบาลไหน เคยแนะนำบ้าง เคยสอนให้ทุกคนเอาแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้บ้างล่ะ มีไหม ไม่มีหรอกนะครับสำหรับเปิดเทอมหน้านะครับ ก็อยากให้สินค้าเหล่านี้เป็นประโยชน์กับผู้ปกครอง เด็กนักเรียน สิ่งที่ผมต้องการที่ตลาดนี้ ไม่ใช่แค่มาขายของอย่างเดียวนะครับ ต้องการสร้างธุรกิจใหม่ ต้องการให้คำแนะนำ แก้ไขเรื่องการดีไซน์ การออกแบบ การใช้วัสดุที่ดูดี การสร้างสตอรี่ ให้มีเรื่องมีราวที่จะขายราคาได้มากขึ้น มีการปรับปรุงมาตรฐาน วัสดุอุปกรณ์ที่ประกอบกับวัสดุต้นแบบ ต้นทุนนะ เช่นกระเป๋าย่านลิเภา อย่าดูเฉพาะตัวกระเป๋า สวย ท่านต้องดูหูหิ้วด้วย ดูที่เปิด-ปิด เหล่านี้ ให้ดูเข้าท่าหน่อย ไม่ใช่ว่าเออไอ้นี่ทำซะดีเชียว ของพวกนี้ทำให้ราคาตกลงมาทันทีเลย ลองดูแบบต่างประเทศเขาบ้าง ไม่เห็นจำเป็นต้องไปใช้ทอง ใช้เงินอะไรมากนักเลย ถ้าของดีราคาสูงก็ไปขายตลาดโลก ตลาดอะไร ทำให้มันแพง ตลาดใช้ในประเทศก็มีวัสดุอย่างอื่นที่มาร่วม มาใช้ได้ เอามาผสมผสานกันก็ได้ มีวัสดุที่มีต้นกำเนิดที่เอามาทำรวมกันซะ ผลิตกระเป๋ามาใบหนึ่งมาจากทุกพื้นที่ ไอ้นี่มาจากนี่ ไอ้นี่มาจากนั้น ไอ้นี่มาจากนี่ เสร็จแล้วทั้งหมดก็มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นสินค้าชิ้นเดียวในโลก เพราะชิ้นนี้ทำคนเดียว อีกชิ้นหนึ่งก็ชิ้นเดียวในโลกเหมือนกัน เพราะไม่เหมือนกันยังไง ทั้งรูปแบบ ลายลักษณ์ ความเอาใจใส่อะไรต่างๆ ต่างกันหมดน่ะ นี่เขาเรียกว่าสตอรี่ นะ

นายกฯ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง-ไฟป่า-หมอกควัน
สำหรับช่วงฤดูร้อน ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุกกระทรวงในพื้นที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครต่างๆ ลงพื้นที่ด้วย เรื่องของภัยแล้ง เรื่องของไฟไหม้ป่า หมอกควัน เรื่องของไฟไหม้ในอาคาร ไฟไหม้ในชุมชน ผมเห็นเกิดขึ้นทุกปี ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็พยายามเน้นย้ำว่าอยู่ที่ประชาชนเป็นหลัก ต้องระวังภัยของตัวเองก่อน เจ้าหน้าต้องมีความพร้อม นอกจากเรื่องไฟเรื่องอะไรเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องโรคระบาด แล้วก็การดูแลสุขภาพ ในช่วงนี้อาจจะมีฝนตกบ้าง ไม่ตกบ้างเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง เพราะงั้นช่วยกันดูแลสุขภาพ เด็กก็ต้องดูแลมากหน่อยคน แก่ดูแลมากสักนิดหนึ่ง คนแข็งแรงก็ดูแลคนอื่นเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ อาคารบ้านเรือน สิ่งผุพัง ไม่จำเป็น ไม่ใช้ก็รื้อทิ้งไป จะเหลือไว้ทำไมไม่รู้ เหลือไว้ทับคนตายหรือไง ให้ กทม. ให้เทศบาล อบท. หรือใคร มหาดไทย ช่วยกันสำรวจ อะไรที่ไม่ได้ใช้รื้อทิ้งให้หมด บ้านเมืองก็ดูทรุดโทรมอยู่แล้วด้วย ของที่ไม่ได้ใช้อยู่ พวกขายของข้างทาง เลิกขายไปโกฏิปีแล้วมั้ง ยังอยู่เลย แล้วก็เป็นภาพที่ไม่น่าดู เวลาใครเขาผ่านไปผ่านมา ต่างประเทศเขานั่งรถมาเขารู้เลยตรงไหนไทย ตรงไหนประเทศเขา ประเทศเขาสะอาดหน่อย พอเข้าไทยจะรู้แล้วมีเพิงเหล่านี้อยู่ข้างถนน อายเขาไหม ทำซะบ้าง หน้าบ้านไม่ใช่ดีแต่ในบ้าน หรือหลังบ้าน หน้าบ้าน รับแขก ช่วยกันทำหน่อย ต้องขอบคุณนะครับ ส่วนใหญ่ทำอยู่แล้ว ขยะทิ้งให้ลงถูกที่ ผมบอกแล้วแยกขยะ ทำหรือยัง ทิ้งเรื่อยเปื่อย ไม่ลงถัง ไม่ลงที่ แล้วก็โทษเจ้าหน้าที่เขาไม่เก็บ เขาไม่อยากเก็บเท่าไรเพราะมันสกปรก เพราะท่านแยกขยะให้เขาไม่ได้ ไปทำซะใหม่ซิครับ ท่านก็อยากได้ทุกอย่าง เรื่องค่าใช้จ่ายขยะก็ไม่ได้มากมายท่านก็บอกว่าแพงเกินไป แล้วท่านจะเอาอะไรล่ะ ไม่นึกถึงคนที่เขาทำอาชีพเหล่านี้หรือว่าเขาลำบากไหม เขาต้องทำกับสิ่งที่สกปรก ที่ท่านทิ้งไว้นี่ ถ้าท่านเก็บให้ถูกที่ถูกทาง แยกขยะให้มีมูลค่า ก็เหลือขยะที่เขาต้องมาเก็บที่ไม่สะอาดนี่น้อยลง เขาก็พึงพอใจเต็มใจเก็บให้ท่าน ต้องพึงพาอาศัยกันซิครับ คิดแบบนี้

"พล.อ.ประยุทธ์" เตือนประชาชนระวังพายุฤดูร้อน-ตรวจสอบบ้านให้แข็งแรง
วันนี้พายุฝนฤดูร้อนก็มากขึ้นนะ หน้านี้เป็นหน้าร้อนใช่ไหม ต่อหน้าฝนหน้า ก็มีพายุฤดูร้อนบ้าง ขอให้ระมัดระวังนะรับ ตรวจสอบบ้านให้มั่นคง ไม่ใช่บ้านโย้เย้ แล้วไม่ตรวจสอบ ถึงเวลาก็พังทับลงมาก็ตายอีกนะ ทุกคนชอบปล่อยปละละเลยยังไง ตามนิสัยนะ สบายๆ เพลงสบายๆ เห็นชอบฟังกันนัก แล้วก็ลำบากที่หลังทุกที เพลงเขาดีอยู่แล้ว ขอให้ปลอดภัยทุกคน จากน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม จุดเสี่ยง ทุกจุด ทุกคนต้องรู้ซิตรงไหนเสี่ยง ตรงไหนมีน้ำลึก ตรงไหนมีดิน หรือหน้าผาชันก็บอกเด็กซิ ผมเห็นลูกหลานจมน้ำตายเยอะแยะไปหมด ทุกอาทิตย์นะ ทำไมไม่เตือน ทำไมไม่ทำเครื่องหมาย ไมไม่มีที่กั้น แล้วท่านก็ดูแลลูกไม่ได้เพราะว่าต้องหาเงินเลี้ยงลูก ลูกก็เล็กไม่รู้เรื่องเดินไป เดินมา เผลอๆ ตกน้ำตายอีก หรือก็ไปเล่นน้ำ ท่านก็ไปเขียนป้ายปักไว้ซะหน่อยว่าน้ำลึกกี่เมตร แค่นี้ท่านยังไม่ทำเลย แล้วท่านจะไปเรียกร้องให้ใครทำล่ะ ไปขุดมาท่านก็ขุดกันเองทั้งนั้นแหละ ที่จมน้ำตายส่วนใหญ่ก็เป็นแหล่งน้ำไร่นาบ้าง อะไรบ้างของท่าน แหล่งน้ำตามธรรมชาติบ้าง แต่เด็กไม่รู้ไง มันลึกแค่หน แต่ถ้าเขียนป้ายน้ำลึก ระมัดระวัง ห้ามเล่นน้ำ ลึก 5 เมตร 7 เมตร 10 เมตร เขียนไว้ซิครับ เด็กก็อ่านหนังสือออกน่ะนะ แล้วก็อบรมเขาในบ้านด้วย ผมพูดมาก็หาว่าผมพูดเยอะอีก ผมไม่พูดแล้วใครจะพูด ตายทุกวัน แล้วก็มาโทษว่ารัฐบาลไม่ดูแล เอ๊ะมันจะใช่ไหมนี่ ให้ผมพูดนี่ปวดหัวนะ ไม่ใช่ไม่ปวดหัว คนฟังก็ไม่ได้ปวดหัวไปกับผม ทนฟังหน่อย เพราะชีวิตท่าน ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร ท่านไม่รักตัวท่านเองก็ช่างเราต้องใช้มาตรการ “เชิงรุก” ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายก่อน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น จากน้ำฝนตามธรรมชาติ ฝนเทียม ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องเตรียมพื้นที่ แหล่งน้ำรองรับให้เหมาะสม ให้พร้อมเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุดสำรองไว้ ถ้าฝนมาล่าช้าจะได้ไม่มีปัญหาอีก พอฝนมาช้าเดี๋ยวรอฝนเดือนพฤษภาคม มิถุนายนก็มาแล้ว ไม่ต้องเก็บมากนักหรอก ปล่อยใช้ทิ้งโครมครามไป พอไม่มี รัฐบาลรับอีก แล้วยังไงกันล่ะ ผมผลิตน้ำเองได้ก็ดี ผมกินน้ำยังต้องระวังเลย กินน้ำก็ต้องกินอย่างประหยัดนะ กินตามความจำเป็นนะ เขาให้กินเท่าไรก็กินเท่านั้น ไม่ใช่ทิ้งๆ ขว้างๆ กินครึ่งขวด ทิ้งครึ่งขวด ไม่ได้ คงไม่ลงถึงขนาดลดการดื่มน้ำละมั้ง คงใช้อย่างอื่นให้น้อยลงเท่านั้นเอง

นายกฯ แนะชาวประมงพื้นบ้านติดตามการประกาศของกรมอุตุฯ ก่อนออกเรือ
ชาวประมงเองต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ติดตามฟังประกาศของกรมอุตุฯ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประมงพื้นบ้าน เรือขนาดเล็กนี่ เขาเตือนก็ฟังเขาบ้าง ถ้าจะบอกว่าเออ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีจะกิน แล้วจะเอายังไงล่ะ ก็ต้องฟังเขาสิ ทุกอย่างต้องความปลอดภัยเป็นหลัก มีปัญหาอะไรก็ไปบอก ศูนย์ดำรงธรรมเขา เออ ออกเรือไม่ได้จะทำยังไง หางานหาการให้ได้ไหม ผู้ว่าฯ จะแก้ปัญหาให้ได้ไหม เพราะผู้ว่าฯ รับผิดชอบทุกเรื่อง อย่าให้มีเรื่องร้องเรียนมากนักก็แล้วกัน ในพื้นที่ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านต้อง มีคนรับผิดชอบ ไม่งั้นจะตั้งกันไว้ทำไม ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น คนมหาศาลนะ ประชาชนก็อีกเยอะ ช่วยกันซิครับ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรือท่องเที่ยวเหมือนกัน อย่ามักง่าย บรรทุกเกินจำนวน แล้วฝนแรง ลมแรง ก็ยังวิ่งอีก ให้นักท่องเที่ยวเขาอยู่ไปก่อน อยู่จนกว่าคลื่นลมจะสงบ แล้วการเดินทางทางทะเลตอนกลางคืน ถ้า เป็นเรือขนาดเล็กนี่ ผมว่าไม่จำเป็นอย่าเดินเลย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นมา ก็ช่วยกันไม่ได้ มือมองอะไรไม่เห็น ผมจะบอกให้ผูกเชือกทุกคนโยงกันไว้ก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวได้ตายพร้อมกัน ทำยังไงก็ได้ ไปคิดออกมาซิครับ คิดมา ทุกย่างอยู่ที่ความคิด สติปัญญา อย่าให้คนอื่นเขาต้องมาทำให้มากนักเลยแล้วกัน

นายกฯ ขู่ลงโทษหนัก หากเรือท่องเที่ยว-รถโดยสารเกิดอุบัติจากความประมาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ผมยินดีทำให้ทกอย่าง แต่บางอย่างทำไม่ได้ก็ต้องช่วยผม นะไม่งั้นก็กลับมารัฐบาลนายกฯ หัวหน้า คสช. ผมทำให้ท่านเกิน100 อยู่แล้ววันนี้ ไม่ต้องกลัวหรอก อันไหนทำได้ผมทำเต็มที่นะ ทนฟังผมบ่นหน่อยก็แล้วกัน บ่นไม่ได้บ่นตัวเอง ผมบ่นเพราะสอน แนะนำท่าน ไม่ใช่สอน แนะนำเรือท่องเที่ยว ต่อไปนี้ถ้าเรือท่องเที่ยว รถทัวร์ รถโดยสาร เกิดอุบัติเหตุด้วยความประมาท ทำคนตาย ผมจะลงโทษอย่างหนัก ผมใช้อำนาจผมนี่แหละ ไม่กลัวก็ตามใจ ท่านอยากตายของท่าน ท่านไปขับรถคนเดียวที่บ้าน ลูกเมียก็ลำบากเรื่องของท่าน แต่ท่านอย่าพาคนอื่นเขาไปตายด้วย นั่นแหละสำคัญ ผมต้องดูแลคนส่วนใหญ่ ให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัย ทุกคนมีความรับผิดชอบด้วยนะ ไม่ใช่รับผิดชอบครอบครัวตัวเอง หาเงินหาทองใช้ คนอื่นช่างมัน ถ้าอย่างนี้อย่าเลย อย่าเป็นมนุษย์เลย ต้องเป็นมนุษย์ คิดแบบคนเขาคิด ชูชีพก็ต้องพร้อม รถไฟ รถไฟฟ้า อะไรก็แล้วแต่ ต้องมีมาตรการความปลอดภัย ไม่ใช่วัวหายล้อมคอกทุกที เวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาทุกคนก็ตื่นตระหนกหมด พอแพนนิก ขึ้นมา แล้วจะอยู่ไหมล่ะ ถ้าคุณไม่บอกเขาก่อน ว่าทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย ถ้ากระจกเปิดไม่ได้ จะต้องยังไง มีเขียนคำแนะนำตัวใหญ่ไว้ข้างตู้ ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ขึ้นมานาน แต่ถ้าไม่เขียนนั่นล่ะถือว่าผิดหนักเลย คำแนะนำบอกหรือยัง บอกที่หลังจะไปเกิดประโยชน์อะไรเล่า คนเดือดร้อนไปแล้ว ดีไม่ตายนะ ผมคิดว่าทุกอย่างต้องคิดเชิงรุกนะครับ ในเชิงป้องกันให้มากที่สุด ถ้าไม่คิดก็อย่ามาทำงานเหล่านี้เลย ในการให้บริการประชาชน

เรื่องกฎหมายกำหนดอะไรไว้ ทำตามนั้น อย่าให้ผมต้องออกกฎหมายเพิ่มเติมอีกเลยนะ ผมว่าพอเพียงแล้วล่ะ ขอให้ทำตามกฎหมายเดิมที่มีอยู่ก็แก้ไขไปได้ 90% แล้ว วันนี้ไม่ทำกันหรอกนะ ประมาททุกคนเลย ที่ตายๆ ไปนะ คนอยู่ต้องต่อสู้กันไปอีกนะ ต่อสู่คดี ต่อสู้เยอะแยะไปหมด ทุกคดี ไม่ต้องห่วงครับผมรื้อทุกคดี คดีเก่า คดีใหม่ คดีที่ประชาชนเดือดร้อน สังคมเดือดร้อน ผมทำให้หมด ผมสั่งตำรวจ สั่งฝ่ายมั่นคงไปเรียบร้อยหมดแล้ว บอกให้กระทรวงยุติธรรมไปติดตามเรื่องเหล่านี้ คดีที่หมดอายุความ หมดเพราะอะไร ใครต้องรับผิดชอบ รื้อทั้งหมด ไม่งั้นก็เป็นอยู่แบบนี้ ก็คงเดือดร้อนกันบ้านนะ ผมไม่ได้แกล้งใครแล้วกัน เพราะเกิดขึ้นมาแล้วก่อนสมัยผมด้วย ผมต้องทำให้ได้ แค่นั้นเอง ผมต้องทำให้ได้ตราบที่ผมมีเวลาอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง