เกาะสมุยเล็งให้ SCG ขนขยะไปเข้าเตาเผาปูนทุ่งสง ชี้ลดกระทบสวล.ทั้งบนเกาะ-บนฝั่ง ค่าใช้จ่ายน้อย

สิ่งแวดล้อม
15 เม.ย. 59
13:07
1,118
Logo Thai PBS
เกาะสมุยเล็งให้ SCG ขนขยะไปเข้าเตาเผาปูนทุ่งสง ชี้ลดกระทบสวล.ทั้งบนเกาะ-บนฝั่ง ค่าใช้จ่ายน้อย
เทศบาลนครเกาะสมุยพบทางออกแก้ปัญหาขยะนับแสนตัน หลัง SCG เสนอขนไปเผาที่โรงปูนทุ่งสง คิดค่าใช้จ่ายตันละ 580-700 บาท ขณะที่รายอื่นเสนอเทศบาลค่าขนส่งขึ้นไปเผาบนฝั่งตันละ 1,100-1,300 บาท

วันนี้ (15 เม.ย.) นายอานนท์ วาทยานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการพัฒนาเทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เรื่อง “ทางที่คนสมุยควรเลือกเดิน : กรณีขยะล้นเกาะสมุย” ระบุว่า เกาะสมุยก็เช่นเดียวกับเมืองท่องเที่ยวทั่วไปที่ประสบกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม โดยเฉพาะปัญหาขยะล้นเมือง ปัจจุบันเกาะสมุยผลิตขยะประมาณ 150 ตันต่อวัน และมีขยะเก่าสะสมประมาณ 200,000-300,000 ตัน ที่กำลังก่อมลพิษรุนแรงกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเกาะสมุย

ท่ามกลางความเดือดร้อนจากมลพิษของกลิ่น และน้ำชะกองขยะที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำตามธรรมชาติของชุมชน จึงมีข้อเสนอจากบริษัทเอกชนถึงสามบริษัท ที่รับขนขยะไปกำจัดที่แหล่งรวบรวมขยะในจ.สุราษฎร์ธานี โดยวิธีเผาในเตาเผาขยะ เพื่อผลิตไฟฟ้าตามนโยบายกำจัดขยะของรัฐบาล โดยมีข้อเสนอราคาค่าขนไปกำจัดในเตาเผาขยะของบริษัท (ที่ยังมิได้มีใบอนุญาตการก่อสร้างโรงงาน) ในราคาตั้งแต่ 1,100 - 1,300 บาทต่อตัน ซึ่งภาคประชาชนยังมีคำถามถึงความเหมาะสมด้านราคา และความปลอดภัยของชุมชน ตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น

เตาเผาขยะปัจจุบันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยสามารถควบคุมมลพิษได้มากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติมักไม่สามารถควบคุมมลพิษได้ตามมาตรฐานจากหลายสาเหตุ จึงพบการปนเปื้อนของสารพิษอันตรายจากไดออกซิน โลหะหนัก และก๊าซสภาพกรดหลายชนิด ที่สร้างปัญหาต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมทั้งในดิน น้ำ อากาศ และห่วงโซ่อาหาร ทั้งจากเถ้าลอยและเถ้าหนักจากการเผาขยะ (ขยะ 3 ตันเผาแล้วยังเหลือเถ้าประมาณ 1 ตัน) จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ใกล้เตาเผาขยะ มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและเกิดการเจ็บป่วยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอด กล่องเสียง ตับ กระเพาะอาหาร ลำไส้ตรง และมะเร็งในเด็ก

การที่คนสมุยเองก็ไม่คิดจะสร้างเตาเผาใหม่บนเกาะอีกครั้ง คงมีเหตุผลจากประสบการณ์ความล้มเหลวของเตาเผาตัวแรกที่ผ่านมา ที่พบว่า สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เตาชำรุดจนไม่สามารถใช้งานได้ เกิดจากขยะที่เข้าเตาเผาไม่มีมาตรฐาน เพราะไม่มีการคัดแยกขยะจากทั้งต้นทางและปลายทาง เทศบาลเองก็มีงบประมาณและบุคลากรอันจำกัดในการจัดการ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เตาเผาชำรุดอย่างรวดเร็ว ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ มีอายุใช้งานไม่คุ้มการลงทุน จึงไม่สามารถควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยจากสารพิษอันตรายต่างๆ ที่เกิดจากการเผาขยะในช่วงที่ผ่านมา

แม้เป็นสิทธิของคนสมุยที่จะเลือกขนขยะออกไปกำจัดนอกเกาะ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการทนทุกข์กับกลิ่นและมลพิษจากน้ำเสียรวม ถึงความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของสุขภาพจากเตาเผาขยะ ดังนั้นด้วยตรรกะการคิดเดียวกัน คงไม่เป็นธรรมนักถ้าคน "ฝั่งบก" จะต้องมาแบกรับภาระขยะที่ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่ก็นับเป็นความโชคดีของคนเกาะสมุยที่ บริษัท SCG (scieco) เสนอวิธีการคัดแยกขยะเพื่อทำเชื้อเพลิงขยะ (rdf) แล้วขนย้ายออกนอกเกาะ ไปเผาที่โรงปูนทุ่งสง ในราคาต่ำเพียง 580บาท/ตัน สามารถกำจัดขยะตกค้างราวสองแสนกว่าตันให้หมดภายใน 4 ปี แต่ถ้าต้องการกำจัดขยะเก่าให้เสร็จเร็วขึ้นภายในเวลา 2 ปี ค่าขนย้ายขยะ rdf สองปีแรกเพิ่มเป็น 700 บาท/ตัน แต่ตั้งแต่ ปีที่ 3-20 คิดที่ราคาเดิม 580 บาท/ตัน จึงนับเป็นทางออกที่น่าสนใจยิ่ง เพราะนอกจากช่วยให้ท้องถิ่นสามารถประหยัดงบประมาณได้นับพันล้านบาทในช่วง 20 ปี เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ และยังช่วยให้ไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ ของจ.สุราษฎร์ธานีจากเตาเผาขยะที่อาจจะถูกสร้างขึ้นใหม่

แม้ว่าเตาเผาโรงปูนยังอาจเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้ แต่ ณ เวลานี้การเผาในเตาเผาปูนซีเมนต์ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยสูงที่สุด เพราะใช้อุณหภูมิสูงถึง 1450 องศา สามารถทำลายไดออกซินและสารพิษต่างๆ รวมทั้งไม่มีเถ้าจากการเผาให้เกิดภาระและปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม และห่วงโซ่อาหารในอาณาบริเวณอ่าวบ้านดอน และที่สำคัญยังประหยัดงบประมาณขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการกำจัดขยะและยังช่วยลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่อาจเกิดขึ้นได้

ทราบอย่างนี้แล้วคงต้องช่วยกันสนับสนุนให้เทศบาลนครเกาะสมุยและคนสมุย หลีกเลี่ยงที่จะใช้วิธีขนขยะมากำจัดที่ตัวจังหวัด แม้วิธีนี้อาจจะทำให้การขนขยะเก่าตกค้างเสร็จเร็วขึ้นบ้างก็ตาม แต่อาจไม่เกิดความคุ้มค่าด้านการบริหารงบประมาณของเทศบาลจนอาจถูกตรวจสอบได้ และอาจต้องเจอกับกระแสต่อต้านจากชุมชนและคนทั่วไปที่ปัจจุบันนี้สามารถรับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงผ่านสื่อสังคมได้อย่างรวดเร็ว ซื่งย่อมไม่เป็นผลดีต่อคณะผู้บริหารเทศบาลและภาพลักษณ์ด้านความมีธรรมาภิบาลของเกาะสมุยโดยรวมอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง