จากกรณี สำนักข่าวชายขอบ www.transbordernews.in.th นำเสนอข่าวขบวนการลักลอบตัดต้นตะเคียนชันตาแมวที่มีมูลค่าสูง และยังเป็นแหล่งทำรังของนกเงือกในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี ในเขตฝั่ง จ.นราธิวาส ซึ่งประชากรนกเงือกในพื้นที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
วันนี้ (30 เม.ย. 2559) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์กับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ซึ่งลงสำรวจพื้นที่จนถึงช่วงบ่ายวันนี้ พบต้นตะเคียนชันตาแมวซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งถูกตัดโค่นทั้งหมด 7 ต้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 160-200 เซนติเมตร แต่การแปรรูปไม้และวางไว้กระจัดกระจายทั่วป่า ทำให้การนำเสนอข่าวเข้าใจผิดว่ามีไม้ในอุทยานถูกตัดจำนวนมาก
“เดิมทางกรมอุทยานฯ ได้ข้อมูลมาประมาณหนึ่ง แต่การจะลงพื้นที่ต้องได้รับอนุญาตจากฝ่ายความมั่นคงเพราะเป็นเขตพื้นที่สีแดง การดำเนินการใด ๆ มีอันตรายต่อเจ้าหน้าที่มาก ประกอบกับชาวบ้านในพื้นที่เป็นสายให้ขบวนการลักลอบตัดไม้ทั้งหมด ทำให้กลุ่มลักลอบตัดไม้ตะเคียนชันตาแมวไหวตัวทัน ทั้งนี้ คาดการณ์จากข้อมูลในพื้นที่ การลักลอบตัดไม้ครั้งนี้เพื่อนำเงินจากการขายไปสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุ
นายธัญญา กล่าวต่ออีกว่า แนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ทางกรมอุทยานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้บูรณาการร่วมกับแม่ทัพภาค 4 ฝ่ายความมั่นคง กลุ่มทหารพราน และฝ่ายปกครอง ในการเข้าไปจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจะทำการคัดกรองชาวบ้านว่าใครเป็นสายให้ขบวนการลักลอบตัดไม้บ้าง และลงตรวจสอบพื้นที่ว่ามีไม้ในอุทยานฯ ถูกตัดเพิ่มหรือไม่
“ที่จริงกรมอุทยานฯ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักลอบตัดต้นไม้เกิดขึ้นเลย และการตามจับหลังจากต้นไม้ถูกโค่นไปแล้วก็ไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจ เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว
นายธัญญา กล่าวว่า ส่วนเรื่องไม้ที่ถูกลักลอบตัดจะกระทบต่อความเป็นอยู่หรือการเพาะพันธุ์ของนกเงือก คิดว่าไม้จำนวน 7 ต้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบได้มากถึงขนาดนั้น ในประเด็นเกี่ยวกับนายทุนจ้างชาวบ้านให้เป็นสายและลักลอบตัดไม้ รวมถึงกรณีนักการเมืองระดับจังหวัดใช้ไม้ตะเคียนชันตาแมวสร้างบ้านพักอาศัย ยังไม่ได้รับรายงานในส่วนนี้ จึงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อมูลได้