วันนี้ (2 พ.ค.2559) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีการแสดงความสงสัยต่อประกาศของ กกต.ที่กำหนดหลักเกณฑ์ 6 ข้อทำได้ และ 8 ข้อทำไม่ได้ ช่วงก่อนการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า การพิจารณาของ กกต.เป็นการนำคำถามของสังคม มาเขียนเป็นหลักปฏิบัติในรูปแบบ ประกาศ กกต. โดยประกาศดังกล่าว ยึดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่มีความเห็นค้านว่า สิ่งที่ กกต.ระบุว่าทำไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ท้ายที่สุดหากเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยว่ากรณีดังกล่าวผิดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ กกต.ให้แนวปฏิบัติในระดับหนึ่ง เพื่อให้รู้ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ
ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า หลักการง่ายๆที่สามารถทำได้ คือ หากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต ไม่ปลุกระดม ไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย สามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่น การแสดงความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร มีเหตุผลในเชิงวิชาการ สามารถทำได้แต่หากปลุกระดมว่า ไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถทำไม่ได้
เช่นเดียวกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีเวทีทำความเข้าใจกับประชาชน ก็ไม่สามารถไปปลุกระดมให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญได้ ทำได้เพียงอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ก็จะมีหน้าที่ในการอธิบายประเด็นคำถามเพิ่มเติมและเหตุผลไม่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนการจัดทำแผนงานต่างๆ ขณะนี้ กกต.ได้จัดเตรียมทั้งการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ สรุปสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงให้มากที่สุด และหลังจากนี้จะประสานขอความร่วมมือจากสภานายจ้าง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกจ้างในการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดทางอินเทอร์เน็ต โดยสามารถใช้อินเทอร์เน็ตของนายจ้างได้ รวมทั้งขอความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรม และหอการค้าไทย เพื่อให้ลูกจ้างสามารถออกมาใช้สิทธิออกเสียงใน วันที่ 7 ส.ค.ได้ด้วย