รัฐบาลเคยขอข้อมูล 13 ครั้ง 17 บัญชี แต่ไม่ได้รับ เฟซบุ๊กยอมบล็อก 35 ข้อความ หมิ่นสถาบันฯ

สังคม
7 พ.ค. 59
17:45
567
Logo Thai PBS
รัฐบาลเคยขอข้อมูล 13 ครั้ง 17 บัญชี แต่ไม่ได้รับ เฟซบุ๊กยอมบล็อก 35 ข้อความ หมิ่นสถาบันฯ
เฟซบุ๊กระบุ กำลังตรวจสอบรายละเอียด กรณีแอดมินเพจล้อเลียนรัฐบาลไทย 8 คน ถูกจับกุมดำเนินคดี และกรณีเพจเฟซบุ๊ครายหนึ่ง ไม่สามารถเข้าถึงได้ในเมืองไทย แต่ยืนยันไม่ได้รับคำร้องขอเป็นการเฉพาะจากทางการไทย

ล่าสุด วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์รายงานว่า เครือข่ายพลเมืองเน็ต เปิดแคมเปญรณรงค์ “facebook ให้ข้อมูลผู้ใช้หรือร่วมมือกับรัฐบาลไทยหรือไม่” ใน www.change.org มีเนื้อหาในการณรงค์พร้อมร้องขอไปยัง Facebook ระบุว่า

ข้อมูลคำร้องจากรัฐบาลที่เฟซบุ๊กเผยแพร่ในรายงาน Government Requests Report นั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก เฟซบุ๊กแสดงความโปร่งใสว่าในปี 2557 เฟซบุ๊กได้พิจารณาปิดกั้นเนื้อหาตามคำขอของรัฐบาลไทยไป 35 ชิ้น โดยเป็นการปิดกั้นในครึ่งปีหลัง 30 ชิ้น ความโปร่งใสของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเช่นนี้ ทำให้เรามีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับความพยายามของรัฐในการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

รายงานฉบับเดียวกัน ยังแสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กมีประวัติที่ดีในการพิจารณาคำขอข้อมูลผู้ใช้จากรัฐบาล โดยระหว่างปี 2556 ถึง 2558 รัฐบาลไทยเคยขอข้อมูลผู้ใช้จำนวนรวม 16 ราย และเฟซบุ๊กไม่ให้ข้อมูลเลยสักราย
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวครอบคลุมข้อมูลถึงเดือนธันวาคม 2558 เท่านั้น

เราเข้าใจดีว่า เฟซบุ๊กจะตีพิมพ์รายงานครึ่งปีแรกของ 2559 ในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่สถานการณ์ ณ ขณะนี้ในประเทศไทยเต็มไปด้วยความกลัว สงสัย และไม่มั่นใจ เนื่องจากการจับกุมผู้ใช้เฟซบุ๊กและการปิดกั้นเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจได้บนข้อเท็จจริงว่า การใช้งานเฟซบุ๊กยังปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทยอยู่หรือไม่

เรามีความกังวลและต้องการให้เฟซบุ๊กตอบคำถามดังต่อไปนี้

1.ตั้งแต่เริ่มปี 2559 จนถึงขณะนี้ เฟซบุ๊กได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยบ้างหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลของผู้ใช้ หรือการปิดกั้นเนื้อหา?
2.ในเดือนมกราคม 2559 คณะกรรมการปฏิรูปสื่อของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศอ้างว่าเตรียมเข้าพบกับผู้บริหารของเฟซบุ๊ก เพื่อขอความร่วมมือกับเฟซบุ๊กในการลบเนื้อหาโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล -- ตั้งแต่หลังรัฐประหารในปี 2014 เฟซบุ๊กได้พบปะหารือกับรัฐบาล คณะกรรมการ หรือหน่วยงานของรัฐ เรื่องความร่วมมือในการลบเนื้อหาหรือความร่วมมืออื่นๆ หรือไม่?
3.ในเดือนเมษายน 2559 ผู้ดูแลหน้าเฟซบุ๊กและนักกิจกรรมทางการเมืองจำนวน 8 คนถูกจับ สองใน 8 คนดังกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อความในกล่องข้อความส่วนตัว (inbox) ของเขาได้โดยไม่จำเป็นต้องถามรหัสผ่านจากเขา ในภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าวกับ BBC ว่า ตำรวจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จริง และเป็นการได้ข้อมูลมาโดยชอบด้วยกฎหมาย -- เฟซบุ๊กได้ให้ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐของไทยหรือไม่ หรือมีพนักงานของเฟซบุ๊กได้เข้าถึงข้อมูลใน inbox ของผู้ใช้หรือไม่?
4.ในเดือนพฤษภาคม 2559 มีหน้าเฟซบุ๊กที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จากเมืองไทย โดยระบบแจ้งว่าเนื่องจากข้อจำกัดของกฎหมายท้องถิ่น -- เมื่อเฟซบุ๊กอ้างถึง “กฎหมายท้องถิ่น” เฟซบุ๊กกำลังอ้างถึงใด? กฎหมายปกติ เช่น ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกอย่างมาตรา 112 และมาตรา 116 หรือประกาศในภาวะพิเศษ เช่น คำสั่งของหัวหน้าคณะรัฐประหาร ตามอำนาจอันกว้างขวางในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว?

นอกจากคำถามดังกล่าว เรามีข้อแนะนำต่อเฟซบุ๊กดังนี้

- กรณีที่เพจหรือเนื้อหาในเฟซบุ๊กถูกลบออกหรือถูกจำกัดการเข้าถึงในบางประเทศอันเนื่องมาจาก “ข้อจำกัดของกฎหมายท้องถิ่น” ควรระบุให้ผู้ใช้ทราบด้วยกว่ากฎหมายท้องถิ่นดังกล่าวนั้นคือกฎหมายใด ซึ่งข้อมูลนี้ควรจะปรากฏอยู่ในคำขอจากรัฐบาลอยู่แล้ว
- ข้อมูลเกี่ยวกับการลบเนื้อหาตามคำขอของรัฐบาลในรายงาน Government Requests Report ควรจำแนกประเภทเนื้อหามากกว่านี้เพื่อความชัดเจน และอย่างน้อยควรจำแนก เนื้อหาที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทหรือความสงบเรียบร้อย ออกจากเนื้อหาที่เป็นการหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลหรือแพร่กระจายมัลแวร์ เนื่องจากคำร้องบางส่วนจากรัฐบาลอาจเป็นคำร้องที่ชอบด้วยเหตุผล
- ผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 25 ล้านบัญชี เฟซบุ๊กมีความสำคัญกับชีวิตคนจำนวนมากในประเทศไทย ทั้งชีวิตส่วนตัว หน้าที่การงาน และการมีส่วนร่วมกับชุมชน เฟซบุ๊กควรมีช่องทางสื่อสารกับผู้ใช้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการและเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อขจัดข้อสงสัยได้อย่างทันการณ์
- ประเทศไทยกำลังจะมีการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นี้ ทั้งนี้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมารัฐบาลมีท่าทีอย่างชัดเจนในในการปราบปรามผู้รณรงค์ "ไม่รับ" ร่างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ประกาศและคำสั่งของคสช. พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ระเบียบการออกเสียงประชามติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคำสั่งของหัวหน้าคณะรัฐประหาร ตามอำนาจอันกว้างขวางในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เฟซบุ๊กจำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาคำขอ "ตามกฎหมาย" ของรัฐบาลไทย
- สภานิติบัญญัติที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารกำลังพิจารณาร่างแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยร่างมาตรา 20 (4) ให้อำนาจคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์สามารถขอให้ศาลมีคำสั่งปิดกั้นเนื้อหาได้ แม้ไม่ผิดกฎหมายใดเลย เฟซบุ๊กจำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้นในการทำตามคำขอ "ตามคำสั่งศาล" ของรัฐบาลไทย

ด้วยความนับถือ
ผู้ลงนาม
6 พฤษภาคม 2559

 

 

เมื่อคลิกเข้าไปในหน้า ข้อมูลคำร้องจากรัฐบาลที่เฟซบุ๊กเผยแพร่ในรายงาน Government Requests Report พบว่า เฟซบุ๊กระบุการร้องขอจากรัฐบาลไทย ตั้งแต่เดือนม.ค.2013-ธ.ค.2015 โดยแบ่งช่วงเวลา เป็นช่วงละ 6 เดือน
เดือนม.ค.2013-มิ.ย.2013 มีคำร้องขอ 2 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ที่ขอ 5 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0
เดือนก.ค.2013-ธ.ค.2013 มีคำร้องขอ 2 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 2 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0
เดือนม.ค.2014-มิ.ย.2014 มีคำร้องขอ 1 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 1 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0 แต่ระบุว่า “เราจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาส่วนหนึ่งในประเทศไทย ตามที่ได้รับรายงานจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Ministry of Information and Communication Technology) ภายใต้กฎหมายของประเทศที่ห้ามมิให้วิพากวิจารณ์สถาบันกษัตริย์” จำนวน 5 ชิ้น
เดือนก.ค.2014-ธ.ค.2014 มีคำร้องขอ 3 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 3 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0 แต่ระบุว่า “จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาในประเทศไทยที่รายงานโดยกระทรวงการต่างประเทศหรือ Thai CERT (ทีมตอบสนองภาวะเหตุการณ์ด้านความมั่นคงทางคอมพิวเตอร์) ภายใต้กฎหมายท้องถิ่นที่ห้ามการวิพากษ์วิจารณ์หรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์” จำนวน 30 ชิ้น
เดือนม.ค.2015-มิ.ย.2015 มีคำร้องขอ 2 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 3 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0
เดือนก.ค.2015-ธ.ค.2015 มีคำร้องขอ 3 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 3 เปอร์เซ็นต์ของคำร้องขอที่มีการให้ข้อมูลบางอย่าง 0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สรุป 3 ปี 2013-2015 รัฐบาลมีคำร้องรวม 13 ครั้ง บัญชีผู้ใช้ 17 แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากเฟซบุ๊กแม้แต่ครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กได้ตอบสนองด้วยการ “จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาในประเทศไทยที่รายงานโดยกระทรวงการต่างประเทศหรือ Thai CERT (ทีมตอบสนองภาวะเหตุการณ์ด้านความมั่นคงทางคอมพิวเตอร์) ภายใต้กฎหมายท้องถิ่นที่ห้ามการวิพากษ์วิจารณ์หรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์” จำนวน 35 ชิ้น

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ระบุในการรณรงค์ด้วยว่า

การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคำขอของรัฐบาลต่อ Facebook

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของเราในการแบ่งปันข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับคำขอที่เราได้รับจากรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก Facebook ยินดีที่จะเผยแพร่รายงานคำขอของรัฐบาลเป็นระยะ เรากำลังเผยแพร่ข้อมูลนี้เกี่ยวกับคำขอที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายประเภท (ประกอบด้วย Facebook, Messenger, WhatsApp และ Instagram) เนื่องจากเราต้องการให้ผู้คนเข้าใจธรรมชาติและขอบเขตของคำขอเหล่านี้ รวมทั้งนโยบายอันเคร่งครัดและขั้นตอนที่เรามีไว้พร้อมรับมือกับคำขอเหล่านั้น

สำหรับคำขอของรัฐบาลสำหรับข้อมูลบัญชีผู้ใช้ รายงานนี้จะแสดงประเทศที่ส่งคำขอ จำนวนคำขอที่ได้รับจากแต่ละประเทศเหล่านั้น จำนวนบัญชีผู้ใช้ที่ระบุในคำขอเหล่านั้น และเปอร์เซ็นต์ของคำขอที่เราเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเป็นอย่างน้อย

สำหรับคำขอของรัฐบาลในการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหา รายงานนี้จะประกอบด้วยจำนวนเนื้อหาที่ถูกจำกัดเนื่องจากเป็นการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นในประเทศที่เราให้บริการ

รายงานนี้จะได้รับการปรับปรุงตามระยะเวลาสม่ำเสมอ

คำขอข้อมูลของรัฐบาล

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการขอข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ใช้งาน Facebook เป็นบางครั้ง คำขอส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม เช่น การโจรกรรมหรือการลักพาตัว มีหลายกรณีที่รัฐบาลร้องขอข้อมูลของผู้สมัครสมาชิกพื้นฐาน เช่น ชื่อ และระยะเวลาที่ขอรับบริการ คำขอยังอาจจะขอบันทึก IP address หรือเนื้อหาของบัญชีผู้ใช้

เราได้จัดทำกระบวนการที่เข้มงวด เพื่อจัดการกับคำขอของรัฐบาลเหล่านี้ ทุกคำขอที่เราได้รับจะได้รับการตรวจสอบว่ามีมูลเหตุทางกฎหมายที่เพียงพอ เรากำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องแสดงคำอธิบายโดยละเอียดของมูลฐานทางกฎหมายและข้อเท็จจริงสำหรับคำขอดังกล่าว และเราจะตีกลับคำขอในกรณีที่พบว่าไม่มีมูลเหตุทางกฎหมายที่เพียงพอ หรือเป็นความต้องการข้อมูลที่กว้างหรือคลุมเครือมากจนเกินไป เรามักจะเปิดเผยเพียงข้อมูลของผู้สมัครสมาชิกพื้นฐานเท่านั้น

คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการของเราเกี่ยวกับการตอบรับคำขอของรัฐบาลได้ ที่นี่

คำขอของรัฐบาลให้จำกัดการเข้าถึงเนื้อหา

เมื่อรัฐบาลเชื่อว่ามีบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตละเมิดกฎหมายของพวกเขา พวกเขาอาจจะติดต่อบริษัทเช่น Facebook และขอให้เราจำกัดการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้นั้น เมื่อเราได้รับคำขอดังกล่าว เราพิจารณาเพื่อกำหนดว่าเนื้อหาที่ระบุนั้นละเมิดกฎหมายท้องถิ่นจริง ถ้าเราตัดสินว่ามีการละเมิดจริง เราจะทำให้เนื้อหานั้นไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศหรืออาณาเขตที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น การปฏิเสธการสังหารหมู่นับเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศเยอรมนี ดังนั้นถ้าได้รับการรายงานมาที่เรา เราก็จะจำกัดการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหานี้สำหรับประชาชนในประเทศเยอรมนี

รายงานนี้ให้ข้อมูลระดับประเทศเกี่ยวกับการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาในตำแหน่งที่บริการของเราให้บริการ เราได้รวมตัวอย่างที่เราได้ลบเนื้อหาที่รัฐบาลระบุว่าผิดกฎหมาย เช่นเดียวกันกับเนื้อหาที่เรานำมาพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐบาล อาทิ เช่น NGO มูลนิธิ และสมาชิกของชุมชน Facebook

ข่าวที่เกี่ยวข้อง