นักวิชาการ-จิตแพทย์เสนอการพนันเป็นวาระแห่งชาติ พบส่วนใหญ่เล่นตั้งแต่เป็นเยาวชน

วันนี้ (10 พ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวทีประชุมวิชาการเรื่อง "การพนันในยุคเปลี่ยนผ่าน" โดย รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ผลการศึกษาสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทย ประจำปี 2558 จากประชาชน 7,018 ตัวอย่าง พบคนส่วนใหญ่เริ่มเล่นการพนันตั้งแต่เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 20 ปี ถึงร้อยละ 60 และพบเด็กอายุน้อยที่สุดที่เริ่มเล่นการพนันเพียง 7 ปี และหากจำแนกตามภูมิภาค พบว่าภาคอีสานเล่นการพนันมากที่สุด, อันดับ 2 ภาคกลาง, อันดับ3 ภาคเหนือ และอันดับ 4 ภาคใต้

สำหรับประเภทการพนันที่เล่นมากที่สุด คือสลากกินแบ่งรัฐบาล รองลงมา คือหวยใต้ดิน และพนันทายผลฟุตบอล ขณะที่พนันออนไลน์ยังเป็นช่องทางที่ทำให้สามารถเข้าถึงการพนันได้ง่ายถึงร้อยละ 61.8 ส่วนเหตุผลการเล่นพนัน เพราะต้องการเสี่ยงโชค ร้อยละ 89.7 เพื่อความตื่นเต้นเพลิดเพลินร้อยละ 30.5 และชอบเป็นการส่วนตัวร้อยละ 12.5 นอกจากนี้ ยังพบว่าคนที่เล่นการพนันส่วนใหญ่ เมื่อชนะพนัน มักมีความต้องการที่จะเล่นอีก แต่หลังจากเสียพนัน จะต้องรีบแก้มือ เพื่อเอาเงินที่เสียไปคืน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ครอบครัว ปัญหาหนี้สิน

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนไทยเข้าถึงการพนันได้ง่าย โดยสังคมและพ่อแม่ปล่อยปะละเลย เล่นการพนันให้เห็นเป็นตัวอย่าง ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ควบคุมการพนันที่แฝงเร้นมากับการโฆษณา การส่งชิงโชคต่างๆ รวมถึงช่องทางการพนันออนไลน์ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ดังนั้นนอกจากต้องเข้มงวดในการปิดช่องทางการเข้าถึงการพนันอย่างจริงจังแล้ว ต้องสร้างทักษะชีวิตให้เด็กรู้เท่าทันการพนัน

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ ประธานกรรมการกำกับทิศทาง กลุ่มแผนงานด้านการลดปัญหาพนัน สสส.กล่าวว่า ตัวเลขการสรุปคดีที่เข้าสู่ศาลชั้นต้นของสำนักงานศาลยุติธรรมปี 2558 พบว่าคดีการพนันเป็นคดีที่เข้าสู่ศาลชั้นต้นอยู่ในลำดับที่ 3 รวมเกือบ 80,000 คดี จึงเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาล ต้องเร่งแก้ไขโดยกำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาการพนันอย่างแท้จริง