ป.ป.ช.สรุปคืบหน้าคดีทุจริตของบริหารอปท.-พนักงานอปท. 19 จังหวัด 24 คดี

การเมือง
18 มิ.ย. 59
20:03
4,587
Logo Thai PBS
ป.ป.ช.สรุปคืบหน้าคดีทุจริตของบริหารอปท.-พนักงานอปท. 19 จังหวัด 24 คดี

วันนี้ (18 มิ.ย.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผย ความคืบหน้าคดีทุจริตของผู้บริหาร รองผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบว่า ได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หรือผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว รวม 19 จังหวัด จำนวน 24 คดี ดังนี้

1.จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายพิชิต หรือสุพจน์ ชัยสดมภ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (2) นางสิริณัฏฐ์ หรือสุจรรยา จตุรพรชัย ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (3) นางกัญณัฏฐ์ หรือศุภกาญจน์ แสงพงศานนท์ หัวหน้าส่วนแผนและงบประมาณองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ว่า อนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน และก่อสร้างศูนย์พัฒนาอาชีพ หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บนที่ดินของตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1) นายพิชิตมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (1) และมาตรา 157(2) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
(2) นางสิริณัฏฐ์ และ (3) นางกัญณัฏฐ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

2.จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายวรัทภพ หรืออดิศักดิ์ ธรรมรักขิโต ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว อ.ดอนพุด (2) นายบุญชู สงฆ์โต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว (3) นายนพปฎล เงินน้ำใย ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว (4) นางจุฑามาศ ทับเงิน หรืออารยา ประเสริฐ หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว ว่าปลอมเอกสารใบเสนอราคาบันทึกตกลงการจ้าง สัญญาซื้อขาย และเบิกจ่ายเงิน โครงการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2542 ในการก่อสร้างลานการค้าชุมชน หมู่ที่ 8 ต.ดงตะงาว อ.ดอนพุด จ.สระบุรี ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า

(1) นายวรัทภพ มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
(2) นายบุญชู มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86(3)
(3) นายนพปฎล และ (4) นางจุฑามาศ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151

3.จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายระวี รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขนาน อ.เมืองเพชรบุรี ว่าดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนเรียงหินแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลล่วงล้ำคลองโตนดน้อยและทะเล โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายระวีฯ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(4) (1), (4)

4.จังหวัดชัยนาท จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายสุธน โพธิ์พิทักษ์ หรือสุทน เม่นตะเภา ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลไร่พัฒนา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ว่ารับให้ที่ดินโดยไม่มีอำนาจ แล้วนำงบประมาณของทางราชการไปก่อสร้างลานตากผลผลิตทางการเกษตรในที่ดินดังกล่าวโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายสุธนฯ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157

5.จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายไสว เนื้อสีจัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังวน อ.พรหมพิราม ว่า จัดทำประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบคัดเลือกพนักงานจ้าง ไม่เป็นไปตามผลคะแนน เพื่อให้บุคคลอื่นเป็นผู้สอบได้ลำดับที่ 1 แทนบุคคลที่มีคะแนนสูงสุด ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายไสวฯ มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

6.จังหวัดเชียงราย : จำนวน 2 คดี

6.1 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายนิคม สวัสดีชัยกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย (2) นายกษมวัต แซพากู่ หรือนายณัฐภูมิ พชรอนันต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (3) นายอิศรศักดิ์ อนันต์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (4) นายนริศ สุระวัง หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (5) นายทรงวิทย์ วงศ์ลังกา หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (6) นายพีระพนธ์ จันทร์บูรณ์ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (7) นายศรียนต์ ชุ่มมงคล หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรล้านนาคอนสตรัคชั่น ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า

(1) นายนิคม และ (2) นายกษมวัต มีมูลเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152(5) และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91(3) นายอิศรศักดิ์ และ (4) นายนริศ มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91(5) นายทรงวิทย์ และ (6) นายพีระพนธ์ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง

(7) นายศรียนต์ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91

6.2 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายประดิษฐ์ นามลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย (2) นางศรีมอย ชะเอมทอง รองปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย ว่าเรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าหรือคู่สัญญาของเทศบาล ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายประดิษฐ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149(6) และมาตรา 157 (2) นางศรีมอย มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง

7.จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายทวีพงษ์ หินคำ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ว่า ไม่อนุมัติจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลให้เจ้าหน้าที่ ตามสิทธิ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายทวีพงษ์ มีมูลเป็นความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

8.จังหวัดลำปาง จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายพิเดช สุนันตา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองยาว อ.ห้างฉัตร ว่า เบียดบังเงินโครงการกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายพิเดช มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91

9.จังหวัดลำพูน จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายปัญญา เขียวธง นายกเทศมนตรีตำบลต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน (2) นายชยพล หรือฟ้าใส เสนาธรรม ปลัดเทศบาลตำบลต้นธง (3) นายนพคุณ พรหมพุทธา รองปลัดเทศบาลตำบลต้นธง ว่าเรียก รับเงินโบนัสประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 จากพนักงานเทศบาลและพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลต้นธง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า

(1) นายปัญญาฯ มีมูลเป็นการกระทำที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148(7) และมาตรา 157
(2) นายชยพลฯ และ (3) นายนพคุณฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนนายปัญญาฯ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86

10.จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา น.ส.ศิริพร เชื้อลิ้นฟ้า หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลหมูม่น อ.สมเด็จ ว่าเบียดบังเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลหมูม่นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางสาวศิริพรฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147(8) และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91

11.จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 คดี

11.1 ร้องเรียนกล่าวหา นายภิญโญ ไทยทองสุขสกุล นายกเทศมนตรีตำบลโนนศิลา ว่า มีส่วนได้เสียในการทำสัญญาเช่าอาคารเพื่อใช้เป็นสำนักงานเทศบาลตำบลโนนศิลา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายภิญโญฯ มีมูลความผิดฐานกระทำการอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญา หรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาลหรือที่เทศบาลจะกระทำ และฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2543 มาตรา 18 ทวิ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2546 มาตรา 48 จตุทศ (3) และมาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91

11.2 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นางพรศิริ ดีโนนอด หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม อ.แวงใหญ่ (2) นายประสพ คงทน ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม อ.แวงใหญ่ (3) นายเกรียงไกร ทับศรี หัวหน้าส่วนโยธาองค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม ว่ายักยอกเงินที่เบิกจากคลังเพื่อจ่ายค่าสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เงินที่จัดเก็บเป็นภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดินและรายได้อื่น ๆ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า

(1) นางพรศิริมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 91
(2) นายประสพฯ และ (3) นายเกรียงไกรฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91

11.3 ร้องเรียนกล่าวหา นางอุไรวรรณ เลาสูงเนิน หรือรัดที หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลกุดธาตุ อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ว่านำเงินขององค์การบริหารส่วนตำบลกุดธาตุ ไปใช้ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางอุไรวรรณฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91

12. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย (1) นางอุไรวรรณ ภัทรปิติพล เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 (2) น.ส.วิสาขา สิงนวล เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 (3) นางวลัยวรรณ เขยนอก เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 (4) นางไกรมา ศรพระอินทร์ หรือพิพัฒน์วิริยาภรณ์ ช่างโยธา 4 (5) นายธีระชัย เทพนอก เจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง 6 (6) นายตรีนพ ชื่นชม วิศวกรโยธา 6 ว่าควบคุมงานและตรวจรับการจ้างโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการในสัญญา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นางอุไรวรรณ (2) น.ส.วิสาขา (3) นางวลัยวรรณฯ (4) นางไกรมาฯ (5) นายธีระชัยฯ และ (6) นายตรีนพฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

13.จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายบุญช่วย ศิลาไลย นายกเทศมนตรีตำบลพลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย (2) นายสมชาย เสกรัมย์ ปลัดเทศบาลตำบลพลับพลาชัย (3) นายสำรวย คะชุนรัมย์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลพลับพลาชัย ว่าขุดลอกลำห้วยพลับพลารุกล้ำที่ดินมีโฉนด โดยมิได้ขอความยินยอมจากเจ้าของที่ดินและเป็นการขุดลำห้วยใหม่ มิใช่ขุดลอกลำห้วยเดิม ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า

(1) นายบุญช่วย มีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่งหรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
(2) นายสมชายฯ และนายสำรวยฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

14.จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 2 คดี


14.1 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายวิเชียร อุทรส นายกเทศมนตรีตำบลโกสุมพิสัย อ.โกสุมพิสัย (2) นายปณต หรือณพปณต มูลโพธิ์ สัตวแพทย์ 6 ว รักษาการผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าส่วนงานรับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการและศึกษาดูงาน (3) น.ส.สิรินดา พานเมือง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 4 ผู้ตรวจฎีกา (4) นางจงกลณี สุกไพ รักษาการผู้อำนวยการกองคลัง (5) นายปณิธิ วงศ์มาศ ปลัดเทศบาลตำบลหัวขวาง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเทศบาลตำบลโกสุมพิสัย) ว่า เบิกจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูศักยภาพและส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรหมู่บ้านเป็นเท็จ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1) นายวิเชียร มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157
(2) นายปณตมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4)
(3) น.ส.สิรินดา และ (4) นางจงกลณี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)
(4) นายปณิธิฯ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง

14.2 ร้องเรียนกล่าวหา นายเชาว์ไชยพงศ์ คำพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงใหญ่ อ.วาปีปทุม ว่า อนุญาตให้ผู้รับจ้างขุดดินลูกรังในป่าชุมชนดงใหญ่ (โคกอีหลิ่ง) ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปใช้ในการก่อสร้างถนนโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายเชาว์ไชยพงศ์ฯ มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157


15.จังหวัดยโสธร จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายสุริยะ ประวะกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลส้มผ่อ อ.ไทยเจริญ (2) นายคำพงษ์ ทับแสง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลส้มผ่อ ว่าถอนเงินในบัญชีโครงการเศรษฐกิจชุมชน โดยไม่มีเอกสารประกอบการเบิก และนำเงินไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายสุริยะฯ และ (2) นายคำพงษ์ มีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83

16.จังหวัดสกลนคร จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นางรัชดา โยธานัก หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเหล่า อ.เจริญศิลป์ ว่าเบียดบังเงินขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเหล่า ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางรัชดาฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161(9) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91

17.จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา นายจำรัส บุตรดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลประดู่ อ.สำโรงทาบ ว่า ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยสอนที่โรงเรียนที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเจ้าหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และมีคำสั่งพักราชการเจ้าหน้าที่แล้วไม่ดำเนินการต่อสัญญาจ้างเจ้าหน้าที่ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า นายจำรัส มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 91

18.จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 2 คดี

18.1 ร้องเรียนกล่าวหา พ.ท.นพ.ปริวรรต อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลปากแพรก อ.ทุ่งสง ว่า สั่งการให้จัดซื้อ จัดจ้างโครงการต่าง ๆ รวม 8 โครงการ โดยวิธีพิเศษ โดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า พ.ท.นพ.ปริวรรต มีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่งหรือแก่เทศบาลหรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12(10) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91

8.2 ร้องเรียนกล่าวหา นางพรทิพย์ ชุมขำ เจ้าหน้าที่พัสดุ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่ารู้เห็นเป็นใจให้มีการสมยอมกัน ในการเสนอราคาโครงการก่อสร้างต่าง ๆ และก่อสร้างสนามกีฬาในที่ดินสาธารณประโยชน์ “ทุ่งม่วงงาม” โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางพรทิพย์มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4)

19.จังหวัดพังงา จำนวน 1 คดี

ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายภูษิต คงเดิม นายกเทศมนตรีตำบลท่านา อ.กะปง (2) น.ส.อัญชลี พรชัยเจริญ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 2 เทศบาลตำบลท่านา ว่า อนุมัติให้เบิกเงินค่าที่พักในการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสัมมนาและจัดงานเป็นเท็จ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายภูษิต มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหายแก่ศักดิ์ ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1),(4)
(2) น.ส.อัญชลี มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1 มาตรา 151 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
2 มาตรา 157 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3 มาตรา 86 ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
4 มาตรา 162 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
5 มาตรา 152 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
6 มาตรา 149 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
7 มาตรา 148 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
8 มาตรา 147 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
9 มาตรา 161 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
10 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง