คุมเข้มจังหวัดชายแดนใต้ หลังเหตุระเบิดใกล้มัสยิดกลางปัตตานี

ภูมิภาค
4 ก.ค. 59
07:55
373
Logo Thai PBS
คุมเข้มจังหวัดชายแดนใต้ หลังเหตุระเบิดใกล้มัสยิดกลางปัตตานี
เจ้าหน้าที่เร่งติดตามผู้ก่อเหตุระเบิดใกล้มัสยิดกลางปัตตานี เมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.2559) ซึ่งทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย ขณะที่ประชาชนเริ่มทะยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอในสัปดาห์นี้

เหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ที่หน้าบริษัทอัลฮิจเราะห์ปัตตานี ถ.ยะรัง ซึ่งอยู่ห่างจากมัสยิดกลางปัตตานีเพียงไม่กี่สิบเมตร แรงระเบิดทำให้ร้านค้าพังเสียหาย และทำให้ จ่าสิบตรีอนุรักษ์ รักบุตร เสียชีวิต และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน คือ สิบตำรวจตรีสุรศักดิ์ปานสัง ถูกระเบิดเข้าที่ขาซ้ายและลำตัว สิบตำรวจตรี วิชากร เอกกูล ถูกระเบิดเข้าที่ขาขวาหัก และระเบิดตามลำตัว และนายยา มอลอ ถูกสะเก็ดเข้าที่ขาและลำตัว

จากการสอบสวนทราบว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งสามนายดูแลความปลอดภัยและจัดระเบียบจราจรให้ประชาชนที่มาละหมาดในมัสยิดกลาง ผู้ก่อเหตุนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ10 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ใส่ไว้ในใต้โต๊ะม้าหินอ่อนได้กดชนวนระเบิด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ซึ่งหลังเกิดเหตุความรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในเขตพื้นที่เมืองเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำก่อนสิ้นสุดเดือนถือศีลอด หรือฮารีรายอ

เร่งซ่อมรางรถไฟใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมรางรถไฟบริเวณรอยต่อระหว่างสถานีรถไฟรือเสาะกับสถานีรถไฟบาลอ ใน อ.รามัน จ.ยะลา ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 1064 กับ 1065 ซึ่งถูกลอบวางระเบิดเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ทำให้รถไฟ 14 ขบวนต้องหยุดวิ่งรับส่งผู้โดยสารทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อน ขณะที่การรักษาความปลอดภัยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มกำลังดูแลอย่างเข้มงวดในเส้นทางรถไฟ ตั้งแต่จังหวัดยะลาปัตตานี และจังหวัดสงขลา ที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์

ตำรวจ สภ.รือเสาะ/เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จังหวัดนราธิวาส พร้อมกำลังทหาร ตรวจสอบรางรถไฟบริเวณรอยต่อระหว่างสถานีรถไฟรือเสาะกับสถานีรถไฟบาลอ พบว่าแรงระเบิดทำให้รางรถไฟได้รับความเสียหายเป็นระยะทางกว่า 20 เมตร เจ้าหน้าที่ยังพบชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง ที่ผู้ก่อเหตุ ประกอบและใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี ตกกระจายเกลื่อนที่เกิดเหตุ และพงหญ้าริมทาง จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.เรืองศักดิ์ บัวแดง ผู้กำกับการ.สภ.รือเสาะ เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ ที่วิสามัญ นายอับดุลอาแซ ซิกะ และนายอาลี สุหลง เสียชีวิตที่บ้านอูยิ หมู่ 4 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2559

เหตุลอบวางระเบิดดังกล่าวส่งผลให้ขบวนรถไฟ ปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโกลก ทั้ง 14 ขบวน ไม่สามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสาร และต้องหยุดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟ จังหวัดยะลา /ซึ่งวันนี้ แขวงบำรุงทางตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จะเริ่มเข้าซ่อมแซมรางรถไฟ แต่ต้องประชุมร่วมกับหน่วยความมั่นคงก่อน

นายวิฑูรย์ จิ้วบุญชู นายสถานีรถไฟบาลอ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณรอยต่อระหว่างสถานีรถไฟรือเสาะกับสถานีรถไฟบาลอ การรถไฟฯ ได้สั่งระงับการเดินขบวนรถทั้งสองขบวน และต้องนำขบวนรถไปเก็บไว้ที่สถานีรถไฟยะลา รอการซ่อมบำรุง ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีจำนวนมาก

ประชาชนกลับบ้านฉลองฮารีรายอ

วันที่ 6-7 ก.ค.2559 เป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอ เป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยมุสลิม จะกลับภูมิลำเนาเพื่อไปร่วมฉลองกับครอบครัวทำให้บรรยากาศที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ เนืองแน่นไปด้วยผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ชาวไทยมุสลิมไปรอเดินทางกับขบวนรถไฟจนเต็มชานชลาและรถไฟทั้งขบวนท้องถิ่นและขบวนรถด่วนรถเร็วจากกรุงเทพฯมีผู้โดยสารเต็มทั้งหมด บางส่วนต้องยืนเพราะไม่มีที่นั่ง

โดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันนี้การเดินทางจะหนาแน่นที่สุด ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อส.และตำรวจรถไฟที่ประจำขบวนรถไฟเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกขบวน รวมทั้งการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระด้วยเครื่องเอกซเรย์ก่อนเข้าสู่ตัวสถานีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

ที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจความมั่นคงทั้ง 3 ด่านในอำเภอหาดใหญ่ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้าย ไม่ให้เกิดขึ้นในอำเภอหาดใหญ่ โดยได้มีการสุ่มตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่สัญจรผ่านด่านอย่างละเอียด เช่นเดียวกับที่บริเวณย่านการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ทั้งในส่วนของกำลังอาสารักษาดินแดน รวมถึงตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้มีการผลัดเปลี่ยนกำลัง ในการลาดตระเวน เฝ้าระวังพื้นที่ ในช่วงที่ใกล้สิ้นสุดเดือนถือศีลอดและกำลังเข้าสู่เทศกาลฮารีรายอ ซึ่งกลุ่มก่อความไม่สงบอาจมีความพยายามที่จะลอบก่อเหตุ

ทั้งนี้สำนักจุฬาราชมนตรีประกาศให้ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ในวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม นี้ เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล ฮิจเราะห์ศักราช 1437 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการถือศีลอดรวมทั้งกำหนดวันฮารีรายอ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง