"เทเรซา เมย์" ว่าที่นายกฯ หญิงคนที่ 2 ของอังกฤษ

ต่างประเทศ
12 ก.ค. 59
07:33
417
Logo Thai PBS
"เทเรซา เมย์" ว่าที่นายกฯ หญิงคนที่ 2 ของอังกฤษ
นางเทเรซา เมย์ (Theresa May) วัย 59 ปี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของประเทศอังกฤษจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.2559) แทนนายเดวิด แคเมรอน ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังการทำประชามติให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อ 23 มิ.ย.2559

นางเมย์ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ อังกฤษหลังจากที่นางแอนเดรีย ลีดซัม ประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่ได้รับความร่วมมือที่จะสร้างรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ ส่งผลให้นางเมย์เป็นผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ

ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) นายเดวิด แคเมอรอน นายกฯ อังกฤษคนปัจจุบันจะเข้าถวายหนังสือลาออกแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระราชวังบัคกิงแฮมในช่วงบ่ายและจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ต่อจากนั้นนางเมย์ก็จะเข้ารับตำแหน่งนายกฯ อย่างเป็นทางการ โดยเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของอังกฤษในรอบ 25 ปี ต่อจากนางมากาเร็ต แทตเชอร์

นางเมย์จะมีบทบาทสำคัญในการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ตามผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2559 แม้ว่าจุดยืนของเธอคือต้องการให้อังกฤษอยู่ร่วมกับอียูต่อไป แต่เธอยืนยันว่าหากอังกฤษจะต้องออกจากอียู ก็จะต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งเธอจะทำหน้าที่นำอังกฤษออกจากอียูให้ดีที่สุด

นางเมย์ยืนยันว่า ไม่จำเป็นที่ผู้นำคนใหม่ของอังกฤษจะต้องเป็นผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากอียู และการออกจากอียูตามผลผลประชามติเป็นกระบวนการที่ต้องเริ่มต้นและจะต้องทำให้สำเร็จ เธอบอกด้วยว่ารู้สึก "เป็นเกียรติและเจียมตน" ที่ได้รับเลือกจากพรรคอนุรักษ์นิยมให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ

ในคำปราศรัยสั้นๆ หลังทราบผลว่าเธอจะได้เป็นนายกฯ อังกฤษคนใหม่ นางเมย์กล่าวว่าเธอจะบริหารประเทศเพื่อทุกคน ไม่ใช่เพื่ออภิสิทธิ์ชนเพียงส่วนน้อย "เราจะทำให้ทุกคนมีโอกาสในการกำหนดชีวิตของตัวเองมากขึ้น เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" 

เธอกล่าวอีกด้วยว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศด้วยการยึดหลัก 3 ประการประการแรก คือ การเป็นผู้นำที่เข้มแข็งในการนำพาอังกฤษผ่านพ้นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจและการเมืองเต็มไปด้วยความยากลำบากและไม่แน่นอน โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในการเจรจาให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุด

ประการที่ 2 คือสิ่งที่อังกฤษจำเป็นต้องมีในขณะนี้ คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และประการสุดท้าย คือการหาวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ที่เข้มแข็งและเป็นไปในเชิงบวกเพื่ออนาคตของประเทศและต้องเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวอังกฤษทุกคนได้ประโยชน์

ด้านนายจอช เออร์เนสท์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีความเชื่อมั่นว่าสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ได้ขึ้นมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษต่อจากนายเดวิด แคเมอรอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง