ขยะเก่าตกค้างกว่า 300,000 ตัน สูงเท่าตึก 1 ชั้น ที่กำลังล้นทะลักออกมายังนอกบ่อขยะบนเนื้อที่เก็บขยะกว่า 30 ไร่ ของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศไทยนับเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการจัดเก็บขยะตั้งแต่ต้นทางและการให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการเก็บขยะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาล้มเหลว
พื้นที่เก็บขยะที่แทบไม่มีเหลืออยู่แล้วบนพื้นที่เกาะสมุย จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้เทศบาลนครเกาะสมุยต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการรื้อขยะเก่าที่ตกค้างอยู่ให้หมด เพื่อรองรับขยะใหม่ที่มีมากถึงวันละ 100-150 ตัน ในระหว่างที่ยังรอผลสรุปกับจังหวัดว่า จะจัดการกับขยะเก่า 300,000 ตันอย่างไร
หลัง คสช.ให้ชลอการประมูลว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาขนย้ายขยะ เทศบาลนครเกาะสมุยได้อนุมัติงบประมาณ 8,000,000 บาท รื้อร่อนขยะตกค้างในบ่อเก่าจำนวน 2 บ่อ และปรับปรุงบ่ออีก 2 บ่อ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับขยะใหม่วันละ 150 ตัน ส่วนขยะที่เหลือกว่า 200,000 ตันก็จะใช้ผ้ายางคลุมไว้ ป้องกันน้ำเสียไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติซ้ำอีก
นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาขยะที่ผ่านมาล้มเหลว เพราะบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูล ไม่ทำตามTORแต่การที่ไม่สามารถลดการผลิตขยะจากต้นทางรายใหญ่ของผู้ประกอบการโรงแรมได้ ก็เป็นปัญหาสำคัญของเกาะสมุยที่แก้ไม่จบ ส่วนการจัดการกับขยะมูลฝอยที่เทศบาลเก็บเข้ามาใหม่ ก็ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาฝังกลบขยะ พร้อมกับบำบัดน้ำเสีย แต่บ่อขยะก็คาดว่าจะเต็มในอีก 5 เดือนข้างหน้านี้
ขณะนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังไม่สามารถสรุปว่าจะจัดการกับขยะ 300,000 ตันได้อย่างไร แต่ถึงจะเลือกวิธีว่าจ้างบริษัทเอกชน หรือ เทศบาลดำเนินการเองก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพราะแต่ละปีเทศบาลนครเกาะสมุย ต้องสูญเสียงบประมาณในการกำจัดขยะปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท