วันนี้ (26 ก.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.) พนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหารือกรณีการครอบครองรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญว่าจะเข้าข่ายความผิด ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้า โดยไม่รู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี และร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานหรือไม่
นายสมศักดิ์ โตรักษา ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำฯ ยืนยันในความบริสุทธิ์ของสมเด็จช่วง และเห็นว่าการที่ดีเอสไอจะตั้งข้อกล่าวหาต้องเป็นไปโดยสุจริต มีหลักฐานชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้อัยการยังมีความเห็นต่าง ทั้งนี้หากสมเด็จช่วงถูกตั้งข้อกล่าวหา ทีมกฎหมายจะนัดแถลงท่าทีต่อสื่อมวลชนทันที
พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายเคารพต่อประมุขสูงสุดฝ่ายสงฆ์และพิจารณาทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลแนวทางเคลื่อนไหวขององค์กรชาวพุทธ ยืนยันว่าจะคำนึงถึงความชอบธรรมตามกรอบกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด ทำให้ขณะนี้เกิดแรงกดดันจากคณะสงฆ์ทั่วประเทศที่กังวลต่อกรณีการดำเนินของดีเอสไอ
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ทำหน้าที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย นามสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ใหม่ ย้ำอีกครั้งว่า ต้องให้คดีความการครอบครองรถโบราณของสมเด็จช่วงยุติก่อน ซึ่งขณะนี้ต้องให้โอกาสทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงและต่อสู้ตามกระบวนการ
ด้านนายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า กังวลต่อท่าทีเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์ จึงประสานทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน พศ.พร้อมให้ความร่วมมือทั้งฝ่ายกฎหมายและคณะสงฆ์อย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง